In Thailand
ผ่าซากแม่เต่ามะเฟืองเกยตื้นท้ายเหมือง พบเชือกรัดลำคอตายในท้องมีไข่ด้วย
พังงา-ผ่าซากแม่เต่ามะเฟืองเกยตื้นหาดท้ายเหมือง พบเชือกรัดลำคอตายในท้องมีไข่ คาดว่าเป็นแม่ท้ายเหมือง
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากชาวบ้านในพื้นที่พบซากเต่าทะเลถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นบริเวณชายหาดท้ายเหมือง ภายในอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ทางนายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าอุทยานฯได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นซากเต่ามะเฟืองเพศเมีย สภาพเน่าแล้ว พบมีเชือกพันรัดอยู่ที่บริเวณลำคอ และพายหน้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เต่าเสียชีวิต จึงได้เคลื่อนย้ายซากเต่ามาที่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ พร้อมประสานไปยังศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย และเก็บข้อมูลเชิงวิชาการต่อไป
ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา สัตวแพทย์หญิงพัชราภรณ์ แก้วโม่ง (หมอฟ้า) หัวหน้าศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหาหายากสิรีธาร พร้อมด้วยหัวหน้าอุทยานฯและผู้นำท้องที่ ได้นำเจ้าหน้าที่ร่วมผ่าพิสูจน์ซากเต่า พบเป็นเต่ามะเฟืองตัวเมีย วัดขนาดกระดองความกว้าง 105 ซม.ยาว 181 ซม. ถูกเชือกไนล่อนสีเหลืองรัดลำคอและใบพายหน้าทั้งสองข้างอยู่หลายรอบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เต่าจมน้ำตาย เมื่อผ่าท้องออกมาพบว่ามีไข่อยู่ในท้อง คาดว่าตายแล้วมากกว่า4 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพพร้อมเก็บรายละเอียดขนาดของอวัยวะต่างๆและเก็บชิ้นเนื้อไปตรวจดีเอ็นเอ และจัดเตรียมการจัดการซากเต่ามะเฟือง ให้ทางอุทยานฯใช้ในการศึกษาต่อไป
นายปรารพ แปลงงาน กล่าวว่า สาเหตุการตายของเต่ามะเฟืองนั้นเกิดจากการว่ายน้ำไปติดเชือกผูกลอบจับสัตว์น้ำของชาวประมงที่วางไว้ในทะเล เบื้องต้นคาดว่าเป็นแม่เต่า มะเฟืองหนึ่งในสามตัวที่ขึ้นมาวางไข่ในฤดูกาลนี้ และจากการดูวงรอบการวางไข่แล้ว น่าจะเป็นแม่ท้ายเหมืองที่ขึ้นมาวางไข่แล้ว4ครั้งในฤดูกาลนี้ นับว่าเป็นความสูญเสียที่น่าเศร้าเป็นอย่างมาก
ล่าสุด ดร. ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน(ภูเก็ต) ได้โพสต์บอกว่า “ผลการชันสูตรเบื้องต้นพบเป็นแม่เต่าเฟืองที่มีไข่ในท้อง ความยาวกระดอง 139 ซม หากคาดการณ์จากวงรอบการวางไข่ของแม่เต่ามะเฟืองชื่อ “ท้ายเหมือง“ ซึ่งครบกำหนดในระหว่างวันที่ 15-17 มกราคม 2567 แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่พบเห็นการขึ้นวางไข่ เมื่อเทียบเคียงกับจำนวนเวลาที่เต่ามะเฟืองตายมาแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นแม่เต่ามะเฟืองท้ายเหมือง ทั้งนี้การเปรียบเทียบข้อมูล mtDNA ของเต่ามะเฟืองตัวที่ตายกับลูกเต่าที่ฟักจะสามารถยืนยันได้ต่อไป
การสูญเสียแม่เต่ามะเฟืองแต่ละตัวเท่ากับการสูญเสียลูกเต่ามากกว่าหมื่นตัว ที่ตลอดชั่วชีวิตของแม่เต่าสามารถขยายพันธุ์ได้ การอนุรักษ์และปกป้องแม่เต่ามะเฟืองในช่วงการเข้ามาวางไข่ รวมถึงการปกป้องพ่อพันธุ์เต่าที่เข้ามารอผสมพันธุ์จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก แม้ในบ้านเราจะยังไม่ประสบความสำเร็จในการติดตามการอพยพของแม่เต่ามะเฟือง แต่หากเทียบเคียงกับข้อมูลทีมีการศึกษาในต่างประเทศด้วยเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียมพบว่าแม่เต่ามะเฟืองจะว่ายน้ำเป็นวงรอบ (loop) ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร ทั้งนี้แตกต่างกันไปตามลักษณะภูมิศาสตร์และทิศทางการไหลของกระแสน้ำ เมื่อนำข้อมูลนี้มาจำลองบนแหล่งวางไข่ของประเทศไทยโดยมีศูนย์กลางบริเวณหาดท้ายเหมือง และไกลออกไปจากฝั่งถึงบริเวณร่องน้ำลึก ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าระหว่างช่วงเวลา 10 วันที่แม่เต่าจะย้อนกลับมาวางไข่ แม่เต่ามะเฟืองอาจว่ายไปไกลถึงหมู่เกาะสุรินทร์ (หรือเหนือกว่า) และใต้สุดถึงบริเวณตอนใต้ของภูเก็ต
จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในช่วงใกล้ขึ้นวางไข่ แม่เต่ามะเฟืองจะว่ายเข้ามาใกล้ฝั่งในรัศมีประมาณ 6 กิโลเมตร ทำให้เป็นพื้นที่เปราะบางและมีความเสี่ยงต่อการติดเครื่องมือประมงหรือเกี่ยวพันรัดกับขยะทะเลที่มีมากบริเวณใกล้ฝั่ง ในกรณีที่ผ่านมาของช่วงปลายปี 2566 ถึงต้นปี 2567 เราพบการเกยตื้นแล้วรวม 3 ครั้ง โดยเป็นการเกยตื้นที่เกิดจากการรัดพันของเชือกลอบเพียงเส้นเดียวถึง 2 ครั้ง ในขณะที่อีกครั้งเป็นการติดอวน ถึงแม้ว่าจากการเกยตื้นทั้งสามครั้ง มีเพียงตัวเดียวที่เสียชีวิต และเต่า 2 ตัวได้รับการช่วยเหลือให้กลับสู่ทะเลได้ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่เกิดการสูญเสียแบบนี้อีก
ระยะเร่งด่วนน่าจะมีการสำรวจและลาดตระเวนพื้นที่ทางทะเลในรัศมี 6 กิโลเมตรจากฝั่ง เพื่อตรวจหาแม่เต่าที่รอขึ้นวางไข่ ตรวจสอบและแจ้งเตือน รวมถึงขอความร่วมมืองดใช้เครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายในพื้นที่ๆพบแม่เต่า หรือให้มีการเฝ้าระวังประจำเครื่องมือเพื่อช่วยได้ทันกรณีติด การสำรวจและลาดตระเวนอาจใช้อากาศยานไร้คนขับร่วมกับทางเรือและจากบนหาด โดยเน้นพื้นที่บริเวณหน้าแหล่งวางไข่สำคัญ ในระยะยาวควรมีการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่มีมาตรการลดภัยคุกคามต่อเต่าทะเล โดยเฉพาะพื้นที่ทางทะเลหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง และหน้าหมู่เกาะพระทอง รวมกับการปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงเครื่องมือประมงบางประเภทให้มีความปลอดภัยกับเต่าทะเล”