Think In Truth
ลับลวงพราง'พลังงาน'ขุมทรัพย์ใต้แผ่นดิน (ตอนที่1) โดย ....พินิจ จันทร
ว่าด้วยข้อเท็จจริงสำหรับประเทศไทยของเรานั้นมีทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนดินและใต้ดินมากมายมหาศาล โดยเฉพาะที่ซุกอยู่ใต้ดินไม่ว่าจะเป็นแก๊สหรือน้ำมันและยังมีแร่ธาตุ (อ่านรายงานในตอนต่อไป) ซึ่งถือว่าเป็นขุมทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีมีความร่ำรวยไม่แพ้ชาติใดในโลก หากแต่รัฐบาลยังขาดความรู้ความสามารถและความพร้อมในการบริหารจัดการจึงต้องเปิดให้ชาติอื่นหรือเอกชนเข้ามากอบโกย จึงได้แค่เงินปากถุงจากการให้สัมปทานเสียเป็นส่วนใหญ่
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้คนไทยทั้งประเทศต้องตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่ เมื่อมีข่าวว่าพบแร่โซเดียม-ลิเทียม มากกว่า 14.8 ล้านตัน มากสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยปริมาณขนาดนี้ไทยจะเป็นศูนย์กลาง-ฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ในภูมิภาคโดยก่อนหน้านี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้สำรวจจนพบแหล่งแร่ลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม
ทั้งนี้โดยแหล่งแร่โซเดียมที่พบในพื้นที่ภาคอีสานจะมีปริมาณสำรองจำนวนมาก ซึ่งแร่ทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นแร่หลักหรือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% เสริมศักยภาพความพร้อมของไทยในการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ในภูมิภาค
เมื่อปีก่อน (2566) มีข่าวใหญ่ว่า อินเดียค้นพบแร่ลิเทียม และกลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และ EV นั้น ตอนนี้ไทยก็มีลุ้นเช่นกัน ซึ่งจากข้อมูลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ระบุว่า ไทยสำรวจพบแร่ลิเทียมกว่า 14,800,000 ล้านตัน ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่ค้นพบแร่ดังกล่าวมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากโบลิเวียและอาร์เจนตินา
การค้นพบแร่ศักยภาพลิเทียม-โซเดียม ถือเป็นทั้งข่าวดีและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองแร่ลิเทียมมากที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
อีกทั้งยังดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงาน ท่ามกลางการแข่งขันของนานาประเทศ เพื่อให้ไทยมุ่งสู่การเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาค ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการลิเทียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าภายในปี พ.ศ.2568 และจะต้องการมากกว่า 2 ล้านตันภายในปี พ.ศ.2573
อย่างไรก็ตามจากการเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า การค้นพบแร่ 2 ชนิดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ EV จะทำให้ไทยลดการนำเข้าและพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งด้วยนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และการค้นพบนี้จะทำให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญยิ่งในโลก ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV
ปัจจุบัน ประเทศที่มีแร่ลิเทียมมากที่สุด 5 อันแรก ได้แก่โบลิเวีย 21.0 ล้านตัน /อาร์เจนตินา 19.0 ล้านตัน /ชิลี 9.8 ล้านตัน /สหรัฐฯ 9.1 ล้านตันและออสเตรเลีย 7.3 ล้านตันเป็นต้น นั่นหมายความว่า การค้นพบแร่ลิเทียมในไทยตามปริมาณที่กล่าวมานั้น จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีแร่ลิเทียมมากเป็นอันดับ 3 ของโลกทันที
หมายเหตุ :ข้อมูลจาก https://pubs.usgs.gov/periodi.../mcs2023/mcs2023-lithium.pdfระบุ ทั่วโลกมีแหล่งทรัพยากรธาตุลิเทียมประมาณ 98 ล้านตัน โดยอเมริกาใต้เป็นทวีปที่มีปริมาณทรัพยากรชนิดนี้มากที่สุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้ดังนี้ : โบลิเวีย 21 ล้านตัน / อาร์เจนตินา 20 ล้านตัน /สหรัฐอเมริกา 12 ล้านตัน / ชิลี 11 ล้านตัน /ออสเตรเลีย 7.9 ล้านตัน /จีน 6.8 ล้านตัน /เยอรมนี 3.2 ล้านตัน / คองโก 3 ล้านตัน / แคนาดา 2.9 ล้านตัน / เม็กซิโก 1.7 ล้านตัน /สาธารณรัฐเช็ก1.3 ล้านตัน /เซอร์เบีย1.2 ล้านตัน /รัสเซีย 1 ล้านตัน /เปรู 880,000 ตัน /มาลี 840,000 ตัน /บราซิล 730,000 ตัน /ซิมบับเว 690,000 ตัน /สเปน 320,000 ตัน /โปรตุเกส 270,000 ตัน /นามิเบีย230,000 ตัน /กานา 180,000 ตัน /ฟินแลนด์ 68,000 ตัน /ออสเตรีย 60,000 ตันและคาซักสถาน 50,000 ตัน (ปัจจุบันนี้ 70% ของลิเทียมที่ผลิตทั่วโลก ได้ถูกใช้ไปกับแบตเตอรี่ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า)
ทั้งนี้หากประมาณการมูลค่าสำหรับลิเทียมในไทยแล้วจะมากมายมหาศาลถึง14-15 ล้านล้านบาท หากคิดจากราคาแร่ลิเทียมในปัจจุบันที่ขายกันอยู่เฉลี่ยตันละ 30,000 ดอลลาร์ หรือ 1 ล้านบาทถ้าให้เปรียบว่ามากขนาดไหน ก็ลองเทียบกับมูลค่าการแจกเงินผ่าน Digital Wallet ที่ใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท แล้วการค้นพบของไทยนี้ สามารถเอามาแจกเงินดิจิทัลได้เกือบ 30 รอบได้เลยทีเดียว
ตอนต่อไปมาดูว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นจริงหรือว่าแค่ “ลับ ลวง พราง” คงต้องติดตามต่อไป.