In News
นายกฯเดินทางเยือนศรีลังกาใน3-4ก.พ.นี้ ลงนามเอฟทีเอ/ฉลองเอกราชครั้งที่76
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นแขกเกียรติยศในโอกาสวันเอกราชศรีลังกา ตามคำเชิญของประธานาธิบดีฯ
กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นแขกเกียรติยศในโอกาสวันเอกราชศรีลังกา ตามคำเชิญของประธานาธิบดีฯ ระหว่างวันที่ 3 - 4 กุมภาพันธ์ 2567
วันนี้ (วันที่ 29 มกราคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะมีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3 - 4 กุมภาพันธ์ 2567 ตามคำเชิญของนายรานิล วิกรมสิงเห (H.E. Mr. Ranil Wickremesinghe) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา เพื่อเป็นแขกเกียรติยศในโอกาสวันเอกราชสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ครั้งที่ 76 และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา (Thailand - Sri Lanka Free Trade Agreement)
โดยในระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการสำคัญในการพบหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีศรีลังกา และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา รวมถึงนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันประกาศเอกราชสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ครั้งที่ 76 ในฐานะแขกเกียรติยศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมประชุมหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของศรีลังกา และร่วมกล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา ภายใต้หัวข้อ “สำรวจช่องทางตลาดและเปิดประตูการค้าการลงทุนสู่ศรีลังกา” ซึ่งจัดโดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ศรีลังกาและสภาหอการค้าซีลอน เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันภายหลังการลงนามความตกลงการค้าเสรี
“ไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน บนพื้นฐานความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนา โดยการเยือนในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับศรีลังกาให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา ร่วมกัน ซึ่งจะถือเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับที่ 15 ของไทย และเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับแรกที่ลงนามในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน” นายชัย กล่าว