In News

เคาะตั้งงบฯปี68ให้ก.เกษตรฯ1พันล.ขึ้นไป ใน9รายการวงงเิน3.5พันล้านปี2568-71



กรุงเทพฯ-​รองโฆษกรัฐบาลฯ รัดเกล้าฯ เปิดเผย ครม. อนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุม ครม. (30 มกราคม 2567) มีมติอนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 9 รายการ (ภายใต้โครงการจำนวน 7 โครงการ) วงเงินรวม 3,572.1750 ล้านบาท (ระยะเวลาโครงการ​ 4 ปี​ พ.ศ.​2568-2571 รวมงบทั้งสิ้น​รวม 17,448.84 ล้านบาท)​ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ ดังนี้

1.โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จังหวัดน่าน ใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูแล้งและบรรเทาปัญหาอุทกภัย

2.โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้พื้นที่ชลประทานบริเวณ 2 ฝั่งคลองชลประทาน

3.โครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย เป็นแหล่งกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนและช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดสุโขทัย

4.โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทาน บรรเทาอุทกภัยในบริเวณพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของลุ่มน้ำคลองวังโตนด และเป็นแหล่งน้ำดิบสำรองให้กับพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

5.โครงการปรับปรุงคลองระพีพัฒน์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ป้องกันและลดปัญหาน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ใต้คลองหกวาสายล่างถึงคลองประเวศบุรีรมย์

6.โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ทางการเกษตรสำหรับโครงการเพาะปลูกในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดฉะเชิงเทรา

7.โครงการปรับปรุงคลองระพีพัฒน์แยกใต้ จังหวัดปทุมธานี  เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ทั้งในด้านการส่งน้ำชลประทานและด้านการระบายน้ำหลาก ทั้งในช่วงฤดูน้ำหลากและฤดูแล้ง

ทั้งสิ้นนี้ คืองบประมาณที่เสนอตามมาตรา 26 แห่งประราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 หลังจากที่ ครม. ได้มีมติอนุมิติในวันนี้แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เสนอความเห็นและดำเนินการในลำดับต่อไป