Authority & Harm
สาวตั้งครรภ์แฝดแพทย์ไม่รู้ทำคลอดขยี้เละคามือเขียวช้ำทั้งตัวสุดท้ายดับทั้งคู่
ฉะเชิงเทรา-สาวตั้งครรภ์แฝดแพทย์ไม่รู้ จนท.ทำคลอดในห้องฉุกเฉินถูกขยี้เละคามือจนเขียวช้ำไปทั่วทั้งตัวจาก รพ.ใกล้บ้าน สุดท้ายส่งทารกที่เหลือในครรภ์มาคลอดต่อที่ รพ.ปลายทาง แต่ไม่รอด ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติ เผยคาใจเหตุฝากครรภ์อัลตร้าซาวด์มาแล้วหลายครั้งแต่กลับไม่พบตัวเด็กแฝด เชื่อขาดความใส่ใจจาก จนท.ทั้งระบบ ตั้งแต่แพทย์ผู้ตรวจฝากครรภ์ไปจนถึงผู้ปฏิบัติงานภายในโรงพยาบาล และยังขาดความพร้อมในเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยเชีวิต
วันที่ 1 ก.พ.67 เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากน.ส.ดลยา ใยไธสง อายุ 25 ปี ชาวต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ซึ่งมาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทราว่า ตนเองตั้งครรภ์ท้องแฝดที่ถูกทาง รพ.ของรัฐแห่งหนึ่งในอำเภอพนมสารคามทำคลอดจนบุตรชายเสียชีวิตทั้ง 2 รายว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 เวลาประมาณเกือบ 11.00 น. ตนได้มีอาการเจ็บครรภ์จึงเดินทางไปยังที่โรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไว้ด้วยรถกู้ภัยฯ
เมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการอัลตร้าซาวด์ดูเด็กในท้อง และบอกว่าเด็กหัวใจเต้นปกติจากนั้นให้นอนรอเป็นเวลานานโดยที่ยังไม่ได้มีการทำอะไรให้ กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณกว่า 1ชม. ตนมีอาการเจ็บท้องมากจึงได้ร้องเรียกหมอพยาบาลมา จึงเริ่มมีการเข้ามาดูแต่ก็ยังไม่ได้มีการตรวจอะไรให้ โดยให้กินยาพาราเซตามอล 1 เม็ด จากนั้นยังให้นอนรอต่อไปอีกจนเกือบจะคลอดอยู่แล้วในเวลาประมาณ 13.00 น.
โดยปากมดลูกเปิดออกจึงมีการให้เปลี่ยนใส่ผ้าถุง จากนั้นยังได้มีการอัลตร้าซาวด์ดูตัวเด็กอีกครั้ง ว่ากลับหัวหรือยัง และหลังจากซาวด์ดูแล้ว เขาก็บอกว่ากลับหัวแล้วแต่เหมือนเห็น 2 หัวเลย แต่ก็เปลี่ยนเป็นพูดว่าเอ๊ะไม่หรอกมีหัวเดียวก่อนที่จะทำคลอดออกมา 1 คนในห้องฉุกเฉิน จากนั้นตนได้ถูกพาไปยังที่ห้องคลอด ส่วนน้องยังอยู่ด้านบนห้องฉุกเฉินที่เดิม โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตอะไรที่พร้อมให้การช่วยเหลือเด็กเลย
หลังถูกนำตัวไปยังห้องคลอดและตรวจภายในดูจึงได้รู้ว่ายังมีเด็กอีก 1 คนอยู่ในท้องระหว่างที่รอจะคลอดรก โดยที่ตนไม่รู้มาก่อนเลยว่าตนเองนั้นมีท้องฝาแฝดเพราะแพทย์ไม่ได้บอกอะไรเลยตั้งแต่เข้ามาฝากครรภ์ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ว่ามีน้องอยู่ในท้อง 2 คน และระหว่างที่ถูกทำคลอดบุตรคนแรกเขามีการมาบีบกดที่ท้องด้วย จนอาจจะไปถูกตัวเด็กอีกคนที่ยังอยู่ในท้องจึงทำให้มีอาการบอบช้ำมาก
หลังจากพอรู้ว่ามีเด็กอีกคนที่ยังคาอยู่ในท้อง เขาได้รีบเย็บปากช่องคลอดที่ตัดทำคลอด ทั้งที่ยังมีรกและน้องอีกคนอยู่ภายในเพื่อส่งต่อไปยัง รพ.ประจำจังหวัด เพื่อให้ไปทำคลอดอีกครั้งที่ รพ.ปลายทาง จนแผลที่เย็บไว้ฉีก หลังคลอดเด็กอีกคนแล้วจึงมีการเย็บให้ใหม่อีกครั้ง ทำให้ตนต้องเจ็บซ้ำซากหลายครั้งจากบาดแผลที่ฉีกออก ก่อนที่จะมีการมาแจ้งว่าน้องเสียชีวิตแล้วทั้ง 2 คน โดยตนตั้งครรภ์เป็นท้องแรกจึงไม่รู้อะไรมากนัก
และในระหว่างที่ตั้งครรภ์ช่วงระยะแรกนั้น ตนไม่ทราบมาก่อนว่ามีครรภ์ เนื่องจากเป็นคนที่รอบเดือนมาไม่เป็นปกติมาโดยตลอด คือ มาๆ หายๆ อีกทั้งท้องยังไม่ใหญ่มากด้วย จนมาทราบหลังจากตั้งครรภ์มาแล้วเป็นเวลา 5 เดือนจากการมาตรวจที่โรงพยาบาลและฝากครรภ์ในวันที่ 9 ม.ค.67 และมาตรวจทราบผลเลือดในวันที่ 23 ม.ค.67 โดยพบว่าเลือดไม่ปกติดีนัก ค่อนข้างซีดจางจึงน่าจะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ โดยเขาน่าจะต้องทำอย่างอื่นให้หรือส่งไปยัง รพ.เฉพาะทาง หรือทำการผ่าออก
โดยระหว่างที่มาหาหมอได้มีการอัลตร้าซาวด์ดูเด็กมาโดยตลอดและแพทย์ไม่ได้ระบุว่าตั้งครรภ์แฝดมีเด็ก 2 คน เพียงแต่แจ้งว่าศีรษะเด็กอยู่ตรงนี้ แขนตรงนี้ขาตรงนี้และดูเพศแจ้งว่าเป็นผู้ชายแค่นั้น โดยไม่ได้แจ้งว่ามีแฝด ซึ่งในวันมาคลอดนั้นระหว่างรออยู่ในห้องฉุกเฉิน ไม่ได้มีการตามหมอจากในห้องคลอดหรือมีพยาบาลห้องคลอดเข้ามาดูแลให้เลย ทั้งที่นอนรออยู่เป็นเวลานาน และไม่ได้อัลตร้าซาวด์ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนให้ดีๆ ว่ามีเด็กในท้องกี่คน โดยตนได้พยายามสอบถามหมอหลังจากคลอดแล้วว่า หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นท้องแฝดจะต้องทำอย่างไร
ซึ่งแพทย์ก็ยังบอกว่าจะต้องผ่าออก ซึ่งหากใช้วิธีการผ่าออกตนเชื่อว่าบุตรชายทั้ง 2 คนน่าจะมีชีวิตรอด แต่ปล่อยให้คลอดเองตามธรรมชาติแบบนี้ และยังทำคลอดออกมาไม่หมดเด็กออกมาได้ 1 คนและพลาด 1 คนโดยไม่รู้ว่ายังมีเด็กอยู่อีก 1 คน ทั้งที่ตอนคลอดก็ยังได้มีการอัลตร้าซาวด์ดูอยู่เรื่อยๆ และยังได้มีการพูดว่าเห็นหัวสองหัว เพราะไม่ได้มีการตรวจให้ละเอียด ไม่ได้มีการดูหัวใจของน้องว่ามีกี่ดวงจึงเป็นแบบนี้
แม้เด็กจะคลอดก่อนกำหนดอายุครรภ์เพียง 24 สัปดาห์หรือประมาณ 6 เดือน ก็น่าจะได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ หรือมีเครื่องมือช่วยเหลือที่ดีกว่านี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการติดตามถือสอบถามอะไรเลย จนกระทั่งตนเจ็บท้องคลอด และเด็กเอาขาออก หมอห้องฉุกเฉินก็ยังบอกว่าทำยังไงทำไม่เป็นไม่เคยทำ และไม่ได้ไปตามหมอสูติมาดูตั้งแต่แรก จนหัวเด็กติดคาอยู่ที่ช่องคลอดนานกว่า 10 นาทีก่อนที่หมอเด็กจะมา
จึงมองว่าสาเหตุที่ทำให้ลูกทั้งสองคนเสียชีวิตไป เพราะขาดความสนใจเอาใจใส่ของทั้งหมอและเจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินมาตั้งแต่แรก เมื่อคลอดแล้วจึงมีหมอสูติมาดูสุดท้ายก็พาไปห้องคลอดไม่ทัน ทำให้ไม่มีหมอเฉพาะทางมาทำคลอด จึงอยากได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนจากทางโรงพยาบาล ว่าเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และสาเหตุที่ทำให้น้องเสียชีวิตมาจากอะไร ทำไมจึงไม่มีการดูแล และเมื่อเด็กเสียชีวิตไปแล้วทั้งสองคนจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อสอบถามมาเลยว่าเป็นอย่างไร และอยากทราบว่าจะชดใช้ความสูญเสียในเรื่องนี้อย่างไร
สำหรับน้ำหนักน้องคนแรกที่คลอดออกมานั้น 650 กรัม ส่วนคนที่สอง 590 กรัม ขณะอยู่ในครรภ์น้องก็ยังดิ้นปกติดี และก่อนที่จะเดินทางมายัง รพ.ก็ยังดิ้นอยู่ และเมื่อมาถึงทาง รพ.ก็ยังมีการซาวด์ให้ดูหัวใจและแจ้งว่าหัวใจเต้นปกติ จากนั้นก็รีบปิดเครื่องอัลตร้าซาวด์และเดินจากไปในทันที และหลังคลอดออกมาแล้วน้องก็ยังหายใจแต่อาจจะยังหายใจไม่เก่งนัก แต่ไม่มีเครื่องมาช่วยน้องหายใจเลย และทาง จนท.ก็ยังช่วยปั้มหัวใจด้วยการใช้นิ้วมือกดอยู่ประมาณเกือบ 20 นาที ก่อนที่จะมาแจ้งว่าน้องที่ออกมาคนแรกเสียจากไปแล้ว
ส่วนน้องคนที่สองที่ถูกส่งให้ไปคลอดยัง รพ.อีกแห่งหนึ่งนั้น หลังจากคลอดออกมาแล้วพบว่าตัวเขาเขียวช้ำมาก เนื่องจากอาจจะโดนกดบีบระหว่างทำคลอดเด็กคนแรกมาจากทาง รพ.แห่งแรก เพราะมีการกดท้องอย่างต่อเนื่อง จากการที่เขาไม่ทราบว่าในท้องยังมีเด็กฝาแฝดอยู่ โดยมีร่องรอยฟกช้ำที่ศีรษะ แขนบวม มือเขียวช้ำ ขาบวมเขียวและที่ปลายเท้าขวามีบาดแผล น.ส.ดลยา กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา