In News
ก.พลังงานเดินหน้าความร่วมมือกับIEA พัฒนาพลังงานไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาด
กรุงเทพฯ-“รัดเกล้า” เผย กระทรวงพลังงานผนึกความร่วมมือระหว่างประเทศ กับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) พัฒนาภาคพลังงานไทย ส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงพลังงาน (พน.) เดินหน้าผสานความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาภาคพลังงานของไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งล่าสุด ครม. (13 กุมภาพันธ์ 2567) มีมติเห็นชอบต่อร่างแผนงานความร่วมมือระหว่าง พน. แห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี ค.ศ. 2024 – 2025
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างแผนงานฯ ดังกล่าว เป็นแนวทางความร่วมมือและกิจกรรมทวิภาคีในการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน ช่วงปี พ.ศ. 2567 – 2568 ในหลายๆ ด้าน อาทิ ด้านข้อมูลสถิติพลังงาน ด้านความมั่นคงทางพลังงาน นโยบายการตอบสนองต่อสภาวะฉุกเฉินและแร่ธาตุที่สำคัญ ด้านการลดการปล่อยก๊าซมีเทนในภาคพลังงาน ด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ซึ่งร่างแผนงานฯ จะลงนามในห้วงการประชุม IEA Ministerial Meeting 2024 ระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส และจะมีผลบังคับใช้ ณ วันลงนาม โดยบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2567-2568
ทั้งนี้ ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) เป็นองค์กรด้านพลังงานระดับโลกภายใต้กรอบองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยปัจจุบันมีประเทศสมาชิกจำนวน 31 ประเทศ และมีประเทศพันธมิตร 13 ประเทศ โดยไทยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของ IEA เมื่อปี พ.ศ. 2558 และได้เคยจัดทำแผนงานฯ ประจำปี ค.ศ. 2022 - 2023 แล้ว ซึ่งปัจจุบันแผนงานฉบับดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้ว
“ความร่วมมือดังกล่าวเป็นโอกาสอันดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านพลังงาน โดยเฉพาะเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางนโยบายด้านพลังงานของไทยในการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังงานของไทยให้มีความเหมาะสมต่อการพัฒนาพลังงานที่มั่นคงและเข้าถึงได้ ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพื่อผลักดันการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของไทยต่อไป” นางรัดเกล้าฯ กล่าว