In News
นายกฯต่อยอดเยือนศรีลังกาหนุนเอกชน เข้าไปลงทุนในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ
กรุงเทพฯ-นายกฯ ต่อยอดความสำเร็จจากการเยือนศรีลังกา สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนไทยเข้าไปลงทุนในศรีลังกา ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะพลังงานสะอาด และการประมง ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ รุกตลาดการลงทุนที่มีศักยภาพ
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำ “ประเทศไทยเปิดแล้ว” พร้อมรับการลงทุน เดินหน้า ส่งเสริมศักยภาพความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทย-ศรีลังกา ในสาขาที่ต่างมีศักยภาพและเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด และการประมง พร้อมต่อยอดความสำเร็จจากการเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการ ผลักดันการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา อำนวยความสะดวกการค้าการลงทุนระหว่างกัน ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย รุกตลาดการลงทุนที่ไทยมีศักยภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3 - 4 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนของศรีลังกา เกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยศรีลังกามีศักยภาพและความพร้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก แต่ยังขาดองค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมถึงศรีลังกามีความต้องการการลงทุนจากต่างชาติสูง โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาดและการประมง ซึ่งทางศรีลังกาเห็นว่า ไทยมีศักยภาพและต้องการมีความร่วมมือกับไทย โดยภายหลังการเยือนฯ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถึงโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานสะอาด และการขยายธุรกิจของ ปตท. ในศรีลังกา ซึ่งพร้อมเปิดรับการลงทุนจากไทย พร้อมทั้งได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในศรีลังกา ในสาขาที่มีความสนใจตามความเหมาะสม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากการเยือนศรีลังกาของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ คือ การลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา ซึ่งความตกลงดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ สนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับศรีลังกา โดยเฉพาะการที่ศรีลังกาเปิดให้ไทยสามารถถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 ในภาคการลงทุนและการบริการในหลายสาขา ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนให้การลงทุนของไทยในศรีลังกาเพิ่มขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามขั้นตอนภายหลังการลงนามให้แล้วเสร็จ เพื่อผลักดันความตกลงให้มีผลใช้บังคับได้ภายในปี 2567 ตลอดจนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน เพื่อสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีที่ความตกลงฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
“นายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนการค้าการลงทุนอย่างเข้มข้น เพื่อเพิ่มโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลเดินหน้าหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการลงทุนของไทย รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ประเทศไทย ผ่านการเร่งเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ซึ่งศรีลังกาถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพ และสามารถเป็นประตูเชื่อมโยงการลงทุนของไทยไปยังตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า การดำเนินงานอย่างแข็งขันของรัฐบาล จะมีส่วนสำคัญสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาดการลงทุนที่มีศักยภาพแก่ผู้ประกอบการ และสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน” นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ จากการลงนาม FTA ฉบับที่ 15 กับศรีลังกา ครอบคลุมการเปิดตลาดการค้าสินค้ากว่า 85% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2567 หากผู้ประกอบการไทยสนใจใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกไปตลาดการค้าเสรี สามารถตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษี กฎระเบียบทางการค้าและการลงทุน ได้ที่เว็บไซต์ www.dtn.go.th หรือ ศูนย์ FTA Center โทร. 0 2507 7555