In News
นายกฯลงพื้นที่ตรวจงาน'3จว.ภาคอีสาน' ชูยกระดับกองทัพชี้ปล่อย'ทักษิณ'ตามกม.
นครพนม-นายกฯ เน้นย้ำฝ่ายความมั่นคง อารักขาบุคคลสำคัญ พร้อมพัฒนากองทัพยกระดับการศึกษาและความเป็นอยู่ของกำลังพล เผยปล่อยตัวอดีตนายกฯ ”ทักษิณ“ 18 ก.พ. นี้ ย้ำทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เผยให้เกียรติอดีตนายกฯ ทุกคน หากมีโอกาสพร้อมขอคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และล่าสุดนายกฯ เยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ยืนยันให้ความสำคัญส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.นครพนม ให้มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สูงขึ้น พร้อมกระชับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 08.40 น. ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ( บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการร่วมรับประทานอาหารกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า วานนี้ (16 ก.พ.) ได้ไปรับประทานอาหารเย็น กับ ผบ. ทั้ง 3 เหล่าทัพ ซึ่งมีการพูดคุยอย่างสม่ำเสมอในเรื่องการพัฒนากองทัพอยู่แล้ว รวมถึงการพูดคุยในข้อกังวลใจต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยเรื่องการอารักขาราชวงศ์และบุคคลสำคัญ ต้องเน้นย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ จะต้องทำให้ถูกต้อง ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ทุกคนก็เห็นตรงกันหมด
นายกฯ กล่าวถึงการพูดคุยเรื่องสวัสดิการของทหาร สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเองได้ไปเยี่ยมแฟลตข้าราชการตำรวจ จึงได้สอบถามกับ ผบ.เหล่าทัพ ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของทหาร ไม่ใช่แค่มิติของที่อยู่อาศัย แต่รวมไปถึงด้านการศึกษา เพราะในปัจจุบันมีถึงแค่หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่โรงเรียนช่างฝีมือทหาร สามารถผลิตแรงงานเข้าสู่ตลาดได้ ซึ่งอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ยังคงต้องการแรงงานช่างฝีมือ ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพ ก็ยอมรับว่าในปัจจุบัน โรงเรียนช่างฝีมือทหารก็ยังมีอยู่เพียงในระดับ ปวช. ก็จะต้องมองว่าจะพัฒนาไปจนถึงในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และ ระดับปริญญาตรีต่อได้
สำหรับสถานพยาบาลต่างๆ ของเหล่าทัพ เช่น โรงพยาบาลภูมิพล ที่มีผู้เข้าไปรักษาหลักล้านต่อปี แต่เป็นบุคลากรของกองทัพเพียง 10% นายกฯ กล่าวว่า แสดงว่าโรงพยาบาลเหล่านี้ ให้การรักษาประชาชนเป็นอย่างดี รวมถึงสถานพยาบาลในกองทัพ หรือค่ายทหาร ดังนั้น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ จะไปมอบโฉนดที่ดินกับกองทัพ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกก็จะเดินทางไปด้วย จึงจะถือโอกาสนี้ให้ผู้บัญชาการทหารบก พาไปดูสถานพยาบาลในค่ายทหาร รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ภายในค่ายทหาร ซึ่งตนเองมีความเป็นห่วงทุกภาคส่วน เราจะต้องดูแลพวกเขาให้มีศักดิ์ศรี และถ้าหากในอนาคตจะเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น ก็สามารถทำได้อย่างสมศักดิ์ศรีเช่นกัน
นายกฯ เผยปล่อยตัวอดีตนายกฯ ”ทักษิณ“ 18 ก.พ. นี้
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 08.40 น. ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ( บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนม สกลนครและอุดรธานี ระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.67 ถึงขั้นตอนการปล่อยตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการพักโทษ ว่า เข้าใจว่าจะมีการปล่อยตัวในวันที่ 18 ก.พ. เชื่อว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีการรายงานขั้นตอนอะไรที่เป็นพิเศษหรือไม่ ก็เป็นไปตามที่พูด ตามที่ข่าวออกมาแล้ว เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง
ส่วนการปล่อยตัวจะเป็นในช่วงกลางคืนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่ทราบเลยครับ ผมไม่ทราบ แต่เป็นวันที่ 18 ผมไม่ทราบ ไม่แน่ใจในข้อกฎหมาย วันที่ 18 คือวันที่ 18 ไม่แน่ใจ ไม่ได้มีการคุยกัน ไม่ได้ลงรายละเอียด ผมเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ จะมีโอกาส ไปเจอกับนายทักษิณ หรือไม่ หลังได้รับการปล่อยตัว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องดูตามความเหมาะสม ส่วนที่ถามมาว่าจะไปขอคำแนะนำอะไรหรือไม่ ในฐานะนายกฯ ตนให้เกียรติอดีตนายกฯ ทุกท่าน
“ถ้ามีโอกาสเจอกันตามงาน หรือถ้ามีเรื่อง หรือถ้ามีความจำเป็นที่นายกฯ ในอดีตมีความชำนาญในเรื่องนั้นเป็นพิเศษ ตนไม่เขินอายที่จะไปปรึกษา วันนั้นเจอ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็คุยกันเป็นชั่วโมง มีหลายเรื่องที่ท่านให้คำแนะนำมา” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนจะแค่ขอคำปรึกษา หรือตั้งเป็นคณะทำงานหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น ไม่ทราบว่าท่านอยากทำแบบนั้นหรือเปล่า ไปพูดก้าวล่วงแบบนั้นมันก็ไม่ถูกต้อง เชื่อว่าท่านจากไปหลายปีแล้ว ก็คงมีเรื่องที่อยากจะทำ ท่านเองก็ไม่สบายอยู่ด้วย ก็ต้องดูความเหมาะสม
นายกฯ เยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์
เวลา 10.30 น. ณ หมู่บ้านมิตรภาพไทย - เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวหมู่บ้านมิตรภาพไทย - เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคณะเยี่ยมชม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย - เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พร้อมกับทักทายผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สมาชิกสมาคมไทย - เวียดนาม จังหวัดนครพนมที่รอให้การต้อนรับ และนายกรัฐมนตรีได้ลงนามและรับของที่ระลึกจากทางสมาคมไทย – เวียดนามฯ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมปลูกต้นไม้ “กันเกรา“ ซึ่งถือเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครพนม และเข้ารับฟังการประชุมประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย - เวียดนาม
นายกรัฐมนตรีรับฟังประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะของอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พร้อมกล่าวขอบคุณนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขต 1 ที่จัดให้มีการเดินทางมาเยี่ยมเยียนที่จังหวัดนครพนม โดยจุดแรกที่มาวันนี้คืออนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างประเทศไทยกับประเทศเวียดนาม เป็นการมีสัมพันธภาพที่ดีของประชาชนของทั้งสองประเทศ ถือว่าเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเช็คอินที่สำคัญจุดหนึ่งของจังหวัดนครพนม เมื่อดูจากตัวเลขปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดนครพนมจำนวน 90,000 คน ซึ่งรัฐบาลก็อยากให้เพิ่มขึ้นเป็น 120,000 คนให้ได้ โดยนโยบายรัฐบาลมีความชัดเจนที่จะสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวของเมืองรอง และนครพนมเป็นจังหวัดที่ได้เปรียบ เพราะมีสนามบินอยู่แล้ว ซึ่งสามารถทำให้การเดินทางไปสู่ทุกอย่างครบถ้วน โดยก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินก็บอกว่ามีความพร้อม เพราะว่ามีศุลกากรด้วย แต่ยังไม่มีเที่ยวบิน Inter มา ก็ถือว่าเป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องที่เป็นความหวังของรัฐบาลนี้ และวันนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มาดูศักยภาพของจังหวัดนครพนม ซึ่ง สส.ภูมิพัฒน์ฯ ก็ให้ความสำคัญกับจังหวัดนครพนม ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พบปะกัน ก็มีการพูดคุยและอัปเดตข้อมูลตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของทูตวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินทางไปประชุมระหว่างอาเซียนบ่อยครั้ง มีการพบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศ ซึ่งผู้นำประเทศของเวียดนามก็มีความใกล้ชิดกับตน ท่านเองก็เป็นคนที่ดำริเรื่องของการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ หลายท่านคงจะเคยไปยุโรปมาแล้ว เวลาที่บินลงประเทศฝรั่งเศส ก็สามารถเข้าประเทศอิตาลีได้ เข้าสเปนได้ หรือเข้าสวิตเซอร์แลนด์ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่ใหญ่มีประชากร 600 กว่าล้านคน ใหญ่กว่ายุโรป ถ้าเราสามารถทำให้ในการเดินทางไป มีการพูดคุยกันอย่างเชิงบูรณาการระหว่างผู้นำ ที่สามารถทำให้วีซ่าเข้าออกได้ทุกประเทศ ก็จะส่งเสริมการเข้าออกในหลายหลาย ๆ มิติ เช่น เวลาคนบินมาลงกรุงเทพฯ แล้วสามารถไปเวียดนามได้ หรือจากเวียดนามมากรุงเทพฯ โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีก ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา หรือลาว หรือมาเลเซีย หรือบรูไนก็ตามที จุดนี้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
“ที่ผมพูดตรงนี้ให้ฟังเพราะว่าจังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดเมืองรองหลัก ซึ่ง สส.ภูมิพัฒน์ฯ ก็ผลักดันให้มีศักยภาพสูงขึ้นโดยตลอด ทั้งนี้ ก็หวังว่าวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ ถ้าเกิดเรื่องของการที่เราสนับสนุนให้จังหวัดนครพนมที่เป็นเมืองรอง เป็นการท่องเที่ยวที่มีเชิงวัฒนธรรมได้อย่างสูงขึ้น ก็จะเป็นการยกระดับของสนามบินให้เป็นสนามบิน Inter ได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนชาวเวียดนามบินเข้ามาที่นี่ได้อีก อีกทั้งจะเป็นการเสริมรายได้ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลด้านการท่องเที่ยว การค้า โรงแรม อาหาร ซึ่งผมเข้าใจว่าจังหวัดนครพนมมีความพร้อมมาก” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขอความช่วยเหลือมา ทั้งในเรื่องของไฟฟ้า ของที่ชำรุด ค่าน้ำ ค่าไฟ ห้องน้ำ เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ รัฐบาลให้ความสำคัญกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านระหว่างไทยกับเวียดนาม โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญ สส.ภูมิพัฒน์ฯ เข้ามาพูดคุยว่า ตรงไหนหรืออะไรที่ทำได้จะทำก่อน เรื่องใดที่งบประมาณเหมาะสมก็จะพิจารณาจัดมาให้
“นายกฯ ยืนยันให้ความสำคัญกับเมืองรอง ให้ความสำคัญกับสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ดีใจที่ได้มาเยือน ซึ่งวันนี้นายกฯ จะหาเวลาซึมซับวัฒนธรรมของชาวนครพนม แล้วก็มาดูแล ไม่ใช่มาใส่เงินอย่างเดียว จะมาใส่ใจ เข้าใจถึงวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมจริง ๆ ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม อาหาร ดูแลการค้าชายแดน และย้ำว่าจะมาดูแลอย่างเต็มที่” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว