In News

ภารกิจนายกฯช่วงบ่ายที่จังหวัดสกลนคร ย้ำก้าวข้ามความขัดแย้ง/แก้ความยากจน



สกลนคร-นายกฯ ขอให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง หากเห็นต่างขอให้ใช้เวทีพูดคุยหาทางออกอย่างเหมาะสม ขออย่าแตกแยก ย้ำรัฐบาลเดินหน้าต่อสู้ปัญหาความยากจน ก่อนหน้านี้นายกฯ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร พบปะประชาชน จ.สกลนคร ณ อ่างเก็บน้ำห้วยโทง ยืนยันรัฐบาลจะทำทุกอย่าง เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสกลนครให้ดีขึ้น ตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช ติดตามการเข้าถึงระบบสาธารณสุข และยังชื่นชมดีไซน์ที่สวยงามของผ้าย้อมครามบ้านดอนกอย จ.สกลนคร พร้อมนำไอเดียไปเสนอในเวทีโลก เพื่อยกระดับเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ นำความภูมิใจสู่บ้านดอนกอย

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 18.30 น. ณ ตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการลงพื้นที่จังหวัดนครพนมและสกลนคร ว่า โดยรวมดูเรื่องของโอกาส คงไม่ปฏิเสธว่าจังหวัดสกลนคร ที่ติดอันดับ 1 ใน 20 จังหวัด ที่มีจีดีพีต่ำที่สุดในประเทศไทย แต่เมื่อมาแล้วตนเองเห็นโอกาส ที่จะสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น

ทั้งนี้ หากมองย้อนกลับไป จุดที่ได้ลงพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน ฯ จังหวัดสกลนครในวันนี้ เมื่อ 40 - 50 ปีก่อน มีปัญหาเรื่องกลุ่มคอมมิวนิสต์เกิดขึ้น รวมถึงปัญหาความไม่สงบ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็มีการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าวได้ดีมาก จนปัญหาเรื่องความไม่มั่นคงและความแตกแยก ได้จบลงแล้ว ฉะนั้นวันนี้ เราก็มาสู้กับปัญหาความยากจน 

นายกฯ กล่าวย้ำว่า ตนเองเชื่อเรื่องสันติสุข เป็นอะไรที่จะนำรอยยิ้มมาให้ประชาชนทุกคน ถึงแม้เงินในกระเป๋าจะมีน้อยแต่มีรัฐบาลที่ใส่ใจ และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความยากจน  แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่อยากกลับไปสู่ความขัดแย้ง ที่เห็นเมื่อ 40 -  50 ปีก่อน อย่างเช่น กลุ่มคอมมิวนิสต์เกิดขึ้น

 “พระองค์ท่าน อยากเห็นคนไทยมีความรัก มีความสมัครสมานสามัคคี ถ้ามีความเห็นต่าง ก็อยู่ด้วยกันได้ ใช้เวทีที่มีความปลอดภัยถกเถียงพูดคุยกัน เพื่อแก้ไขปัญหา ใช้วงนักวิชาการในการพูดคุยกัน สื่อสารกันอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ถือเป็นเรื่องที่ดี” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า หากย้อนกลับไป เมื่อเรื่องของกลุ่มคอมมิวนิสต์จบไปที่ภูพาน ก็มีศูนย์

ศึกษาการพัฒนาภูพานในพระราชดำริ ซึ่งวันนี้ทุกคนก็ได้ไปดูมาและเห็นว่ามีศักยภาพสูงมาก ทั้งเรื่องการแปรรูปสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ เช่น พันธุ์ไก่ดำ กระต่าย เนื้อโคขุนที่มีมูลค่าสูง 5,000 - 6,000 บาทต่อชิ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่รัฐบาลต้องช่วยสนับสนุน และเชื่อมโยงภาคเอกชนให้มาช่วยสนับสนุนสินค้าเหล่านี้ ไปขายในห้างสรรพสินค้าไทย หรือขายในต่างประเทศได้ และนำความหวังมาให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชนหลายภาคส่วนก็มีความตื่นตัว ไม่ใช่แค่การลงพื้นที่ครั้งนี้แค่ครั้งเดียว อย่างที่เชียงใหม่ก็เช่นเดียว ก็มีนักธุรกิจรายใหญ่ให้ความสนใจสินค้า ที่จะนำไปขายต่อในที่ต่างๆ

นายกฯ ระบุว่าเรื่องความยากจนสามารถแก้ไขได้ รัฐบาลจะตั้งใจแก้ไขปัญหานี้ต่อไป  ส่วนปัญหาของเกษตรกรคือการเปิดตลาด ดังนั้น หากเจ้าสัวหรือนักธุรกิจหลายๆ รายช่วยเปิดตลาดได้ก็จะดีมาก ซึ่งสินค้าหลายอย่างหากเราแปรรูปให้มีคุณภาพได้ ก็จะสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น

นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่การเชื่อมภาคเอกชนและเกษตรกร แต่ก็มาดูเรื่องการบริหารจัดการพื้นฐาน อย่างน้ำท่วมน้ำแล้ง โลจิสติกส์ การเชื่อมโยงระบบคมนาคม  จะต้องทำควบคู่กันไปเพียงแต่ขอเวลา ฉะนั้นระหว่างนี้หากมีความเห็นต่างหรือไม่เห็นด้วย ก็ควรใช้เวทีที่ปลอดภัยในการพูดคุยกันจะดีกว่า เพราะอย่าลืมว่าสันติสุขเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

นายกฯ ย้ำว่า เรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจากการลงพื้นที่ 2 วันที่ผ่านมา ตนเองมองว่าเป็นโอกาส แต่หากจะเอาหน้าประวัติศาสตร์มาพูดว่าเรามีวันนี้ได้ เป็นเพราะอะไร เราจะได้ไม่ย้อนกลับไปสู่วังวนเดิมๆที่ไม่มี และไม่มีสันติสุข ซึ่งวันนี้เราอยากเห็นรอยยิ้ม

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ 2 วัน นายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องความเห็นต่างได้รับสัญญาณใดมาหรือไม่นายกฯ กล่าวว่าไม่มี อย่างวันนี้ก็ได้มีการพูดคุยกับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเคยเป็นอดีตนายอำเภอหลายพื้นที่ ได้วาดภาพให้ตนเห็นว่า สมัยก่อนไม่มีเรื่องความปรองดอง มีเรื่องคอมมิวนิสต์ที่เกิดขึ้น มันโหดร้าย วันนี้เราก้าวข้ามตรงนั้นมาแล้ว ประชาชนมีความสุขถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว แล้ววันนี้การมาลงพื้นที่ภูพาน ก็ถือเป็นการเตือนความจำว่าเคยเกิดปัญหานี้ ฉะนั้นไม่อยากกลับไปอยู่ในจุดที่เราเคยมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ซึ่งทุกท่านก็ทราบดีอยู่ ว่ามีความขัดแย้งขึ้น แต่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม ที่มีคนหลากหลายรุ่น หลากหลายความคิดเข้ามา แต่ตนเองเชื่อว่าระบบการปกครองของเรา มีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับทุกคน สามารถพูดคุยกันได้

นายกฯ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร พบปะประชาชน จ.สกลนคร

เวลา 16.40 น. ณ อ่างเก็บน้ำห้วยโทง ตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร จับคู่ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและเกษตรกร และพบปะประชาชน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีเดินเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร อาทิ ดินมีชีวิต เห็ดเยื่อไผ่ ผักสกลนครโมเดล ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแสงจันทร์ กาแฟยิปซี เป็นต้น อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังได้พบปะกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการ พร้อมร่วมถ่ายภาพกับประชาชนที่รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองโดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบประประชาชนว่า วันเสาร์และวันอาทิตย์นี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ฝ่ายบริหารได้มาเยี่ยมเยียนชาวอีสาน วันนี้ได้มาที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นจังหวัดที่พึ่งพาการเกษตรมากถึง 80% เพราะฉะนั้นเรื่องน้ำเป็นเรื่องสำคัญ จังหวัดสกลนครมีรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดยังไม่สูงเท่าที่ควร แต่เมื่อได้พูดคุยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่แล้ว ทำให้มองเห็นถึงความหวัง มองเห็นโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำและยังเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือการพัฒนาถนนที่สามารถเชื่อมต่อ เพื่อทำให้การเดินทางไปมาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้นรัฐบาลก็จะทำให้ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใดรายได้ของประชาชนชาวสกลนครก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยนางสาวสกุณา  สาระนันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร เขต 6 เป็นผู้ริเริ่มเกษตรแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมุนไพรต่าง ๆ แทนที่จะขายของได้กิโลกรัมละ 1 บาท ก็เป็นกิโลกรัมละ 1,000 บาท ดังนั้น ขอฝาก สส.สกุณา ให้ดูแลประชาชนทุกคนด้วย ซึ่งจากที่ได้เดินชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร ก็มองเห็นถึงโอกาสดี ๆ จากการนำเครื่องสมุนไพรมาทำสินค้าแปรรูปได้มากมาย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาเดินชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตรในวันนี้ รวมถึงการมาดูการสร้างถนน การพัฒนาแหล่งน้ำ การยกระดับระบบสาธารณสุข ถือว่าเป็นวันหยุดที่มีค่าที่ได้มาพบปะประชาชนชาวสกลนคร ทั้งนี้ ขอบคุณหน่วยงานราชการที่เสียสละเวลาวันหยุดมาพบปะกันและให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าพวกท่านจะช่วยดูแลเขา ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลผู้สูงอายุ เพราะใกล้จะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ฝากดูแลให้ความรู้ถึงข้อควรระวังเกี่ยวกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น ว่าจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร พร้อมทั้งฝากถึงฝ่ายปกครองต้องจัดสถานที่ให้เหมาะสม ช่วยกันดูแลผู้สูงอายุด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้าย ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวสกลนครให้ดีขึ้น ไม่เพียงแต่เรื่องเศรษฐกิจ โดยเรื่องยาเสพติดก็จะทำให้ดีขึ้นด้วย

นายกฯ ตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

เวลา 15.30 น. นายเศรษฐา เดินทางมายังบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช ต.บ่อแก้ว อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร เพื่อตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช ติดตามการเข้าถึงระบบสาธารณสุข และพบปะประชาชน โดยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สาระสำคัญสรุป ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการพระเทพญาณวิศิษฏ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม และรับทราบสรุปการดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช ประกอบด้วย อาคารผู้ป่วยนอก และอาคารผู้ป่วยใน โดยขอบเขตการให้บริการ (Service delivery) ของ รพ.พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช ประกอบด้วย ดูแลกลุ่มผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate Care) ดูแลผู้ป่วยกลุ่มประคับประคอง (Palliative Care) และดูแลผู้ป่วยกลุ่มจิตเวชและยาเสพติด ศูนย์ธัญญารักษ์ (Minithanyarak Intermediat care : MIC) ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ได้แก่ ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขได้สะดวกรวดเร็ว ลดการเดิน ทาง ลดการรอคอย ลดความแออัดในโรงพยาบาล สามารถดูแลผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น ตามสถานการณ์แนวโน้มสัดส่วนผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้สูงอายุที่มากขึ้น การดูแลฟื้นฟูในกลุ่มผู้ป่วยระยะกลาง และผู้ป่วยประคับประคอง จะตอบสนองต่อสภาวะทางสังคมในอนาคตได้เป็นอย่างดีรวมทั้งจังหวัดสกลนครจะมีสถานพยาบาลสำหรับบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดได้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างครอบคลุมและยั่งยืน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะดำเนินการเปิดได้ประมาณปลายปี 2568 และจะใช้งบประมาณในปี 2568 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ต่อไป เพื่อดูแลประชาชนชาวอำเภอบ้านม่วง และพื้นที่ใกล้เคียง สอดคล้องกับพระเทพญาณวิศิษฏ์ (ชัยทวี คุตฺตจิตฺโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ได้มีดำริไว้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลเพื่อมอบให้กระทรวงสาธารณสุข และเพื่อถวายเป็นมหาเถรบูชา 150 ปี (2413-2563) ชาตกาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต โดยกระทรวงสาธารณสุขจะรับไว้และดูแลอย่างดียิ่งต่อไป

พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้ติดตามการเข้าถึงระบบสาธารณสุข 30 บาท รักษาทุกที่ตามนโยบายรัฐบาล ได้มีการเตรียมพร้อมทุกด้านแล้วเพื่อให้ประชาชนสามารถรับการรักษาได้ทุกที่ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการระบบดิจิทัลในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งนายกฯ ได้รับฟังสรุปการดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบหนองบ่อแก้ว เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หากสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เข้ามาเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับชุมชน และประชาชนในพื้นที่

จากนั้น นายกฯ ได้ทำพิธีเทคอนกรีตเสาอาคารผู้ป่วยนอกเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนไปพบปะประชาชนซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเป็นกันเอง

นายกฯ ชื่นชมดีไซน์ที่สวยงามของผ้าย้อมครามบ้านดอนกอย จ.สกลนคร

เวลา 13.30 น. ณ ศูนย์เรียนรู้ผ้าย้อมคราม ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร นายเศรษฐา ได้เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ผ้าย้อมคราม “วิชชาลัยดอนกอย วิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน”  และจับคู่ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและกลุ่มผลิตสินค้าผ้าย้อมคราม สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมกิจกรรมการเตรียมเส้นด้ายจากการย้อมครามและสีธรรมชาติจากไม้ให้สี การมัดย้อมเสื้อด้วยสีธรรมชาติจากเนื้อคราม และการสาธิตการมัดลายผ้า โดยนายกฯ ได้สอบถามถึงกระบวนการ ขั้นตอนต่าง ๆ พร้อมกล่าวว่า ผ้าย้อมครามบ้านดอนกอยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการดีไซน์ที่สวยงาม เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล หากสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่าผ้าย้อมครามบ้านดอนกอยจะสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ชื่อดังระดับโลกได้ ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม นายกฯ จะเดินทางไปยุโรป จะขอนำไอเดียของผ้าย้อมครามบ้านดอนกอยไปนำเสนอเพื่อหาตลาดแหล่งใหม่ ๆ เพื่อยกระดับสินค้าให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และนำความภาคภูมิใจมาสู่บ้านดอนกอย

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นดอนกอยโมเดล มาจากเมื่อครั้ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทอดพระเนตรขั้นตอนการผลิตผ้าย้อมครามกลุ่มทอผ้าบ้านดอนกอย วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 มีพระประสงค์พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอบ้านดอนกอยให้มีความทันสมัย ยกระดับภูมิปัญญาและชิ้นงานให้เป็นที่ต้องการของตลาดไทยและตลาดโลก ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้น โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ผ้าทอย้อมครามเกิดลวดลายใหม่ ๆ ดีไซน์ทันสมัย และหลายเฉดสีตามเทรนด์แฟชั่น สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน จาก “ดอนกอยโมเดล” ต่อยอดสู่โครงการต้นแบบที่ยั่งยืนด้วยการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ผ้าย้อมครามบ้านดอนกอย “วิชชาลัยดอนกอย วิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ดำเนินงานตามพระราชดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” มุ่งพัฒนาคุณภาพผ้าของชุมชนบ้านดอนกอย สู่การเป็นชุมชนต้นแบบของประเทศ