EDU Research & ESG

ยายเข้ม!เฝ้าหลานในโรงเรียนนาน2เดือน คุ้มประพฤติดีขึ้นเผยไม้อ่อนดัดง่าย 



บุรีรัมย์-อำเภอประโคนชัย/ยายวัย 65 ปีเดินทางไปเฝ้าหลานชั้น ม.1 ที่โรงเรียนทุกวันนานกว่า 2 เดือนหลังทราบข่าวหลานชอบโดดเรียน ครูชื่นชมแนวทางทั้งหลานทั้งเพื่อนในห้องมีความประพฤติดีทั้งหมด ขณะยายอดีตผู้ใหญ่บ้านชี้ เราต้องส่งเด็กให้พ้นวิกฤติไปก่อน ให้มีความรู้จะได้ติดตัวเอาไปใช้แบบไม่มีวันหมด

วันที่ 19 พ.ค.67 เพชบุ๊คชื่อPat Suwaphat ได้โพสต์ภาพยายคนหนึ่งในโรงเรียนพร้อมเขียนข้อความว่า” จันทร์-ศุกร์ มาเฝ้าหลานที่ รร ทั้งวันและทุกวัน 2 เดือนแล้ว  หลานโดดเรียน ไม่เข้า รร (ลงจากรถ รร อยู่ทางซ้าย นางจะไปทางขวา) เมื่อไหร่ที่บอกว่าวันนี้ไม่เห็นมาเข้าแถว ยายจะมาทันที เร็วกว่า 5G  ก็คุณยายนี่แหล่ะ ยกตำแหน่งให้ผู้ปกครองดีเด่น 1/13  ล่าสุดไปตามหลานที่บึงไม่เจอ ตามมาเจอหน้า ร้านซีเจ กำลังจับกลุ่มอยู่กับเพื่อน 5-6 คน เจอยายวงแตกหนีกระเจิงเลย ยายเคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่ายิ่งกว่านี้ยายก็เคยทำมาแล้ว ยิงปืนก็เคยยิงมาแล้ว ยังไงจะต้องจัดการหลานให้ได้ ถ้ามันไม่เรียนจะให้ออกไปเก็บขยะขาย   นี่คือตัวอย่างของผู้ปกครองที่เชื่อครูและไม่เข้าข้างลูกหลาน ต้องตามมาดูให้เห็นกับตาตัวเองและรีบจัดการให้ทันท่วงทีก่อนจะสายเกินไป”

โพสต์ดังกล่าวมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นไปจำนวนมาก ทั้งหมดชื่นชมยายที่มีความมุ่งมั่นที่ต้องการให้หลานเป็นคนดี ไม่เกเร โดยเฉพาะการที่ผู้ปกครองมาเฝ้าบุตรหลานแบบนี้มีไม่มากในประเทศ

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบนางแก่นจันทร์ หาญประโคน อายุ 65 ปี  86 ม.2 ต.ยายแย้ม  อ.เฉลิมพระเกียรติ จ. บุรีรัมย์ เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน ยังคงเดินทางมาพร้อมกับ ด.ญ.มนัสพร หาญประโคน อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม อ.ประโคนชัย หลานตัวเองตั้งแต่ตอนเช้า 

หลังหลานเข้าแถวเสร็จ ยายได้เตรียมอาหารมาด้วย เช่นมะละกอสำหรับตำส้มตำ หรืออาหารว่างแล้วทำเผื่อเพื่อนในห้องเรียนของ ให้เด็กได้ทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข

นางแก่นจันทร์ เล่าว่า ที่ยายตามมาเฝ้าหลานที่โรงเรียนเพราะ ไม่อยากให้หลานเดินทางผิดเราก็ดึงให้ตึงเข้ามา เราอย่าให้มันเน่าเลยอยู่ข้างบน เราต้องรีบดึงมามันก็จะไม่เน่า รอบนั้นเขาสืบได้ว่าหลานไม่เข้าเรียน จึงใช้วิธีนี้ 

ต้องการให้หลานเรียนให้จบมันสูงแต่มันได้เท่าไหร่ก็เอาแค่นั้น ในใจอยากให้หลานได้มีความรู้ติดตัว เพราะความรู้ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่เหมือนที่ดินเมื่อขายไปแล้วก็หมด ถึงแม้ในอนาคตเขาไม่เลี้ยงดูเราก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเขาโตไปแล้วเขาต้องหาชีวิตใหม่

ถ้าถามว่าเสียเวลาหรือไม่ ตนยืนยันไม่เสียเวลา ตรงกันข้ามคุ้มมากกว่า หลานได้ความรู้แต่เราลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไรทนได้ อยากให้ส่งหลานให้ถึงฝั่ง

ส่วนหนึ่งก็อยากฝากถึงผู้ปกครองทุกคนที่มีบุตรหลาน ให้หมั่นดูแลบุตรหลาน บางคนให้เงินมาเรียนแต่ไม่เรียน บางครั้งเขาอาจจะเดินทางผิด เราต้องแก้ตั้งแต่ยังอ่อนเหมือนต้นไม้ 

ด้านครูสุวภัทร  โพธิ์คำ ครูที่ปรึกษานักเรียนชั้น ม.1 กล่าวว่า จริงแล้วเด็กในห้องไม่ใช่เกเรขนาดนั้น เด็กซุกซนตามวัย ส่วนหนึ่งก็ขอชื่นชมยายเด็กที่มีความมุมานะต่างจากผู้ปกครองทั่วไป สิ่งที่สำคัญหลังจากยายมาเฝ้าหลานได้ 2 เดือน ปรากฏว่าเพื่อนนักเรียนในห้องต่างปรับตัวตั้งใจเรียนเหมือนกันหมดไม่มีใครออกมาต่อต้านแม้แต่คนเดียว

ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง จ.บุรีรัมย์ รายงาน