In News
นายกฯบุกกทม.ตรวจงานการพัฒนาเมือง ยันรัฐฯร่วมแก้PM2.5-บุหรี่ไฟฟ้า-จราจร
กรุงเทพฯ-นายกฯ ประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร ย้ำทุกภาคส่วนบูรณาการทำงาน สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน เศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ น่าอยู่ น่าเที่ยวตลอดไป นายกฯ ยืนยันรัฐบาลและกรุงเทพมหานครทำงานร่วมกันแก้ไขปัญหา PM2.5 บุหรี่ไฟฟ้า ปัญหาการจราจร เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและตอบคำถามสื่อมวลชน ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจฯเป็นปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่ปัญหาการเมืองแต่เป็นการทำผิดกฎหมาย ยืนยันต้องยึดหลักของกฎหมาย โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้ (23 ก.พ.67) เวลา 09.00 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร ใน 2 กลุ่มประเด็นสำคัญ คือ การจัดการสาธารณูปโภคพื้นฐานและการจัดการด้านสังคมและเศรษฐกิจ ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญสรุป ดังนี้
นายกฯ รับฟังการสรุปผลการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งพัฒนากรุงเทพมหานคร ซึ่งสอดคล้องและเป็นไปตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การขับเคลื่อนเพื่อเร่งรัดพัฒนากรุงเทพมหานคร โดยการจัดการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการจัดการด้านสังคมและเศรษฐกิจ ได้แก่ ปัญหาจุดฝืดจราจรและวินัยจราจร การแก้ปัญหาการจราจร (โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้มากขึ้น) การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุมอย่างทั่วถึง การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 (เช่น ในช่วงวิกฤต มีการให้เจ้าหน้าที่ work from home ซึ่งสามารถช่วยลดฝุ่นในช่วงวิกฤตได้) การใช้พื้นที่ราชการมาพัฒนาเป็นพื้นที่ทำมาหากินของผู้มีรายได้น้อย การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (บูรณาการทำงานร่วมกันทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการอย่างจริงจัง การปราบปรามทั้งที่ขายในพื้นที่และออนไลน์ ลดการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน) การแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ รถสามล้อ และมัคคุเทศก์ผี เป็นต้น
นายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่ารู้สึกยินดีที่ได้มาเยือนศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และร่วมการประชุมติดตามการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานครครั้งนี้ และได้รับทราบการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถึงแม้จะมีการกระจายความเจริญไปสู่จังหวัดต่าง ๆ ในภูมิภาคให้มากที่สุด แต่ กทม. ก็เป็นประเทศไทยเล็ก ๆ ซึ่งการทำงานและการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของ กทม. ล้วนแล้วแต่สอดคล้องและเกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลที่นายกฯ ได้ประกาศไปแล้วทั้ง 8 ข้อ เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ในงานประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ที่มุ่งเป้าพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาลและสุขภาพ อาหาร การบิน การผลิตยานยนต์แห่งอนาคต เทคโนโลยี และการเงิน
ทั้งนี้ นายกฯ ย้ำว่าสิ่งต่าง ๆ ในหลายเรื่องที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดำเนินการอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ยอมรับว่ายังขาดหน่วยงานสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น ๆ หรือหากมีการสนับสนุนก็อาจยังไม่รวดเร็วเท่าที่ควร วันนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้มีโอกาสมาพบปะกัน โดยหลังจากนี้จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานอื่น ๆ ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนให้มากขึ้น โดยขอให้มีการมอบหมายบุคคลของแต่ละหน่วยงานที่ชัดเจนเพื่อประสานพูดคุยกับทาง กทม. โดยในฝ่ายของรัฐบาลนายกฯ ได้มอบหมาย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานหลักในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยผลักดันให้เร็วขึ้น
พร้อมกันนี้นายกฯ ได้ย้ำถึงการขุดลอกคูคลองต่าง ๆ และการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น การเก็บและกำจัดผักตบชวา ให้ทำต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการรับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น โดยในส่วนของผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพ ให้ความมั่นใจเต็มที่จะช่วยสนับสนุนและดำเนินการเรื่องนี้ รวมไปถึงการขอให้ทางกรมราชทัณฑ์ และฝ่ายความมั่นคงได้เข้ามาช่วยด้วย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวมีการประชุมหารือร่วมกันในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างชัดเจนต่อไป ส่วนมีเรื่องใดที่จะให้รัฐบาลผลักดันนายกฯ พร้อมยินดี
สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาการจราจรนั้นขอให้มีการประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมไปถึงเรื่องของการไม่เคารพกฎจราจรก็เป็นอีกปัญหา ตรงนี้หากทุกคนเคารพกฎหมาย กฎจราจรต่าง ๆ ปัญหาการจราจรก็จะดีขึ้นมาก ทั้งนี้ปัญหาการจราจรเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน แต่เชื่อว่าสิ่งที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการไปก็ทำให้การแก้ปัญหาดีขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกับอีกหลายเมืองใหญ่ของโลกที่รถติดมากกว่าเรา เพียงแต่การสื่อสารเรายังน้อยไป ดังนั้นหากทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ทำออกมาดีแล้วขอให้มีการสื่อสารออกไปให้มากขึ้น โดยเรื่องนี้ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถช่วยได้โดยใช้สื่อต่าง ๆ ที่หน่วยงานรัฐมีอยู่ในการประชาสัมพันธ์และสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ ออกไปให้สังคมและประชาชนได้รับทราบอย่างกว้างขวางมากขึ้น เพราะเรื่องนี้ส่งผลต่อการท่องเที่ยวด้วย และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาท่องเที่ยวมากขึ้นสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศไปแล้วเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67)
เรื่องของระบบขนส่งมวลชนเสริม (Feeder System) ที่เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ และทำให้คนมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นนั้น นายกฯ ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ซึ่งกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก สามารถที่จะช่วยกันดำเนินการในเรื่องนี้ให้ดีขึ้นได้ ขณะที่เรื่องปัญหาแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์นั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ความจริงก็เห็นใจคนขับรถแท็กซี่เช่นกัน ถ้ากดมิเตอร์ไปแล้วในช่วงที่รถติดมากรถไปไหนไม่ได้ มิเตอร์ไม่ขึ้นเขาก็ไม่ได้เงิน ดังนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมที่ต้องไปแก้ไขตรงนี้ จึงขอฝากไว้ในเรื่องของระบบมิเตอร์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ มีแล้วขอให้มีการดำเนินการเป็นไปตามกลไกที่มีการแข่งขันที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง โดยไม่ให้เกิดการได้เปรียบระหว่างไรด์เดอร์กับแท็กซี่ เรื่องนี้ถือเป็นโยบายหลักของรัฐบาลเช่นกันในการผลักดันให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้นายกฯ ได้เน้นย้ำถึงการเปิดฝาท่อของ กทม. 800 กว่าจุด ขอให้เปิดแล้วดำเนินการให้เสร็จเร็วขึ้น รวมไปถึงการดูแลรักษาเรื่องความสะอาดของบ้านเมือง ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสะอาดขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ เป็นปีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้งการจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ซึ่งหากบริเวณใดดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วขอให้มีการนำผลการดำเนินงานที่แสดงให้เห็นทั้งก่อนดำเนินการและหลังดำเนินงานส่งให้ฝ่ายสื่อสารเพื่อประชาสัมพันธ์ถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้นให้ประชาชนและสังคมได้รับทราบด้วย
ส่วนของเรื่องแท็กซี่ รถสามล้อ และมัคคุเทศก์ผีต่าง ๆ นั้น นายกฯ กล่าวว่าเป็นปัญหาที่กัดกร่อนวงการการท่องเที่ยวของไทยอยู่ จึงมอบหมายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะต้องการให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวก้าวแรกของการเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้รับความสะดวกสบายและเกิดความประทับใจ ซึ่งหลายส่วนก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เช่น เรื่องของ immigration system ที่ยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่การที่หากไปเจอกับแท็กซี่ รถสามล้อ และมัคคุเทศก์ผีต่าง ๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจึงขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
นอกจากนี้ นายกฯ ได้ย้ำถึงเรื่องการแก้ปัญหา PM2.5 ว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ซึ่งกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ประกาศให้มีการ work from home เมื่อวันศุกร์ที่แล้วก็เห็นผลชัดเจน ซึ่งการดำเนินการ work from home ให้มีการพิจารณาจุด hot spot ประกอบ และให้มีการประสานงานกันของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในการที่จะประกาศวัน work from home พร้อมกัน ทั้งนี้การแก้ปัญหา PM 2.5 รัฐบาลให้ความสำคัญและบริหารจัดการได้ดีทุกภาคส่วนอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของปากท้องประชาชนก็ขอให้บริหารจัดการให้ถูกต้อง ซึ่งต้องขอบคุณ กทม.ที่ทำในเรื่องของรถอัดฟาง เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้และหากทำได้อีกก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหา PM 2.5 รัฐบาลยังได้มีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด ในตอนท้ายนายกฯ ขอบคุณ กทม.ที่มีการจัดการประชุมเรื่องนี้ขึ้นมา โดยขอให้มีการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดีขึ้น และให้ความสำคัญกับหน่วยงาน กทม. มากยิ่งขึ้น ขอให้มีการพูดคุยกันบ่อยขึ้นและมีการสื่อสารผลสำเร็จของการดำเนินงานออกไปให้มากขึ้น
ภายหลังการประชุมฯ นายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมแถวให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กรมการขนส่งทางบก สำนักงานคณกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักเทศกิจ และสำนักอนามัย พร้อมมอบนโยบายว่ากรุงเทพมหานครเป็นมหาครที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น วิจิตรสวยงามมากมาย ตลอดจนถนนข้าวสารที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คของประเทศ จึงไม่แปลกใจ ทำไมกรุงเทพมหานครถึงถูกจัดให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมชมชอบมากที่สุดในทวีปเอเชีย เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวค้นหามากที่สุด
รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ทุก ๆ ด้าน โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงาน ระดมความคิดและขุมกำลังจากทุกหน่วยงานมาสร้างกรุงเทพฯ ให้ดีกว่าเดิม และดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการจัดสรรสาธารณูปโภคพื้นฐาน การคมนาคม การก่อสร้างรถไฟฟ้า การบริหารจัดการเรื่องของ PM 2.5 การจัดการเรื่องเศรษฐกิจและสังคม การปราบปรามวินมอเตอร์ไซค์เถื่อน แท็กซี่ผี มัคคุเทศก์ผี ที่สร้างความเสียหายและบันทอนภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความปลอดภัยและชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวทุกคน
นายกฯ กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้มาพบกับทุกคน โดยเห็นถึงความตั้งใจผ่านแววตาของทุกคน และรับทราบว่าทุกคนปฏิบัติหน้าที่ได้ดีแค่ไหน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาในยามกรุงเทพฯ ต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ โรคโควิด -19 ระบาด ฝุ่นพิษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งได้พลังจากเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ทำงานหามรุ่ง หามค่ำ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และบรรเทาความเดือดร้อนต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
โอกาสนี้ นายกฯ ได้ขอบคุณผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนของทุกภาคส่วน ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนากรุงเทพฯ ให้มีความเจริญก้าวหน้าตลอดมา พร้อมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองเต็มความสามารถ เพื่อให้กรุงเทพมหานคร สามารถขับเคลื่อนหน้าที่การบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน ทำให้เศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ น่าอยู่ น่าเที่ยวตลอดไป
จากนั้น นายกฯ ได้ปล่อยขบวนรถออกปฏิบัติการ ณ บริเวณลานคนเมือง
นายกฯตอบข้อซักถามสื่อมวลชน ยืนยันรัฐบาลและกรุงเทพมหานครทำงานร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆได้
เวลา 09.35 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประกาศเรื่อง วิสัยทัศน์ Thailand Vision 8 ข้อไปแล้วซึ่งหลาย ๆ ข้อก็เกี่ยวข้องกับทางกรุงเทพมหานครด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้เรากระจายความเจริญไปสู่ต่างจังหวัดหลาย ๆ จังหวัด แต่กรุงเทพมหานครก็เป็นประเทศไทย สำหรับวันนี้รู้สึกดีใจที่ได้มาเยือนกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกและได้ทราบถึงวิสัยทัศน์ แผนงานทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ซึ่งนโยบายหลาย ๆ เรื่องก็เกี่ยวเนื่องไปกับวิสัยทัศน์ Thailand Vision รวมไปถึงนโยบายของรัฐบาลด้วย โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ไปมาก แต่มีการพูดถึงน้อย อยากให้มีการสื่อสารกันให้มากขึ้น โดยขอฝากสื่อมวลชนด้วย การสื่อสารไม่ใช่แค่การแถลงผลงานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการแถลงเพื่อให้ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งถ้าประชาชนได้รับทราบข่าวสารก็อาจจะนำไปปฏิบัติได้ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น รัฐบาลโดยทางรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็มีการประสานงานใกล้ชิดกับทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว แต่อยากให้การทำงานเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น มีการรับนโยบายของกรุงเทพมหานครไปช่วยขยายผลได้ ถ้ามีปัญหาติดขัดรัฐบาลมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานงานกับกรุงเทพมหานคร
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า เรื่องความปลอดภัย ความมั่นคงเป็นเรื่องที่สำคัญ สื่อมวลชนก็รับฟังการนำเสนอของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว โดยเราจะพยายามทำงานให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทำให้การสื่อสารดีขึ้น เช่น เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเรื่อง PM2.5 วันศุกร์ที่ผ่านมาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครประกาศ WFH รถยนต์ก็น้อยลง 9% ถ้ามีการประสานที่ดีกับทางรัฐบาล เราก็จะประกาศพร้อมกันให้เป็น WFH ของทางหน่วยงานราชการได้ ซึ่งเราพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่อยู่แล้วเพียงแต่ต้องทำให้มีการประสานงานที่ดีขึ้น นอกจากนั้น เรื่อง การเพิ่มกล้อง CCTV เป็นแค่ปัจจัยเดียว การนำเทคโนโลยี ระบบ IT ต่าง ๆ มาเสริมนั้น รัฐบาลจะมีการพิจารณาให้ดีขึ้น นอกจากนั้น เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ต้องจัดการแก้ไขปัญหาจริง ๆ เพราะจากการประชุมจะเห็นรูปภาพของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีลักษณะเป็นกล่องนม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายไปที่เด็ก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญ เน้นย้ำให้กรมศุลกากรเข้มงวดในการตรวจค้นมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่อง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครด้วยว่าปัญหา PM2.5 นั้นมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้พิสูจน์ทราบได้ว่าปริมาณ PM2.5 ลดลงไปอย่างชัดเจน ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดำรงตำแหน่งมาเกือบ 2 ปีแล้ว ได้ทำเรื่องดี ๆ หลายอย่าง ดูแลตั้งแต่เรื่องใหญ่จนไปถึงเรื่องนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องโดยร่วมกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนนำรถมาเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง ให้รถยนต์ต่าง ๆ ปล่อยไอเสียออกน้อยลง การจัดรถอัดฟางในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้พื้นที่หนองจอกแทนที่จะต้องมีการเผาก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดฟางแทน แสดงให้เห็นว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครก็ไม่ได้ละเลย ดูถึงรายละเอียดทุก ๆ รายละเอียด แต่ว่าปัญหา PM2.5 มีมานานแล้วซึ่งเกิดจากเรื่องของโครงสร้างหลาย ๆ อย่าง โดยวันนี้รถยนต์ไฟฟ้า EV มีการจดทะเบียน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว งาน Bangkok International Motor Show เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV กว่า 40% ปัญหา PM2.5 ที่เกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานครนั้นเกิดจากการใช้รถประมาณ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ถ้าเราสามารถส่งเสริม สนับสนุนให้คนหันไปใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นได้ก็จะเป็นการดี หรือการขนส่งที่ต้องมีการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยที่มีท่าเรือคลองเตยอยู่ ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็พยายามเสนอให้มีการย้ายออก แต่ทางรัฐบาลก็ต้องมีการพิจารณาหารือครบทุกองค์ประกอบว่าท่าเรือคลองเตยสมควรจะมีการย้ายหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีการย้ายก็จะมีการบรรทุกของต่าง ๆ ผ่านเขตกรุงเทพมหานครเยอะ ทำให้เกิดปัญหา PM2.5 ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลและกรุงเทพมหานครพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ แต่จะให้ปัญหาหมดไปเลยนั้นก็คงไม่ค่อยเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เชื่อว่าทุกฝ่ายพยายามทำอย่างเต็มที่ ความจริงจัง ความจริงใจมีอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพมหานครในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นเหมือนเดิมหรือไม่ ว่า สำหรับตนเชื่อว่าปัจจุบันนี้การจราจรมีการบริหารจัดการอย่างชัดเจน แต่ถามว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ไหม ตนมองว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ โดยจากการนำเสนอในที่ประชุม สื่อมวลชนก็น่าจะเห็นว่า จะมีการเข้มงวดวินัยการจราจรการ สนับสนุนให้ประชาชนมาใช้บริการรถสาธารณะมากยิ่งขึ้น เรื่องค่าโดยสารก็ต้องทำให้ราคาลดลง เรื่องระบบขนส่งเสริม หรือ Feeder System ที่มาจากตรอกซอกซอยต่าง ๆ ให้เข้ามาถนนใหญ่ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่จะทำให้ลดความหนาแน่นการจราจรลงได้
นายกฯ เผยปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่ปัญหาการเมืองแต่เป็นการทำผิดกฎหมาย
วันนี้ (23 ก.พ. 67) เวลา 09.45 น. ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ถนนดินสอ เขตพระนคร กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ปัญหาที่เกิดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการทำผิดกฎหมายที่ต้องมีการพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าใครเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ย้ำว่ารัฐบาลนี้ยึดตามหลักการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เข้าใจความเป็นห่วงเป็นใยของสื่อมวลชนและประชาชนกับข่าวที่เผยแพร่ออกมา ว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มีส่วนพัวพันในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ความไว้วางใจ ความมั่นใจในความปลอดภัยของประชาชนก็จะลดน้อยลงไป โดยอยากให้มีการพิสูจน์ทราบโดยเร็วด้วยหลักของกฎหมาย แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า พื้นที่ภาคเหนือมีการบริหารจัดการปัญหาโดยรวมได้ดี ทั้งเรื่องของสินค้าเถื่อน ยาเสพติด การเผาหรือ PM2.5 โดยภาคเหนือทำได้ดีมาก เพราะว่ามีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง กรมศุลกากร ทั้งนี้ เมื่อเราสามารถควบคุมดูแลได้ดีที่ภาคเหนือ ผู้กระทำผิดกฎหมายก็เข้ามาทางจังหวัดกาญจนบุรีแทน โดยเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาจุด Hot Spot อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีเยอะ ทั้งสินค้าเถื่อน ยาเสพติด ต้องพูดกันตามตรงว่าเรายังไม่สามารถทำงานได้ดีพอ ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบกจะมีการเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ ถ้าหากในอีก 2-3 สัปดาห์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะลงไปดูพื้นที่ด้วยตัวเอง เพราะถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ นอกจากนั้น สส. ในพื้นที่ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้น สอบถามความคิดเห็น ปัญหาจากประชาชนและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับหน่วยงานของรัฐเพื่อที่จะเห็นปัญหา จัดการปัญหาให้ได้