In News

นายกฯรุกต่อเยือนยุโรป'เยอรมนี-ฝรั่งเศส' 6-7มี.ค.นี้ถกผู้นำ2ประเทศเน้นเศรษฐกิจ



กรุงเทพฯ-นายกรัฐมนตรีประเดิมเยือนยุโรปด้วยการเดินทางเยือนเยอรมนีและฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ พบหารือผู้นำทั้งสองประเทศ เป็นโอกาสกระชับความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนความร่วมมือ ผลักดันการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความท้าทายระดับโลกร่วมกัน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ มีกำหนดการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 7-14 มีนาคม 2567 โดยจะเดินทางจากนครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ในช่วงเย็นวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 และจะเดินทางถึงกรุงเบอร์ลิน ช่วงเช้าของวันที่ 7 มีนาคม 2567

การเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนนโยบายรัฐบาล ยืนยันค่านิยมเสรีประชาธิปไตยของไทย สร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดการลงทุน ตลอดจน ผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป การขอยกเว้นการตรวจลงตราเชงเกนให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย รวมทั้ง การหารือในประเด็นเพื่อความร่วมมือในการแก้ปัญหาความท้าทายในโลกร่วมกัน อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน พลังงานสะอาด และความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกับฝรั่งเศส ไทยมีแผนจะยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี 2567 ตามแผนการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2022-2024) ส่วนเยอรมนี นายกรัฐมนตรีจะไปย้ำและเสนอยกระดับความสัมพันธ์สู่เป้าหมายการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

โดยในการเดินทางเยือนทั้งสองประเทศอย่างเป็นทางการครั้งนี้ มีกำหนดการสำคัญๆ อาทิ การหารือกับผู้นำของทั้งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐฝรั่งเศส การเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นเกียรติ รวมทั้งการแถลงข่าวร่วมกัน ในส่วนของภารกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน อาทิ การเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี การเข้าร่วมพิธีเปิดงาน MIPIM 2024 และเยี่ยมชมนิทรรศการ และการร่วมงานและกล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมเยอรมนี (German Association for Small and Medium-Sized Businesses: BVMW)

ซึ่งในการเดินทางเยือนยุโรปของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีกำหนดการพบหารือกับภาคเอกชนสำคัญระดับโลกในหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเเฟชั่น และอุตสาหกรรมค้าปลีก