Biz news

ชไนเดอร์เปิดGalaxyVLยูพีเอสไฟ3เฟส



กรุงเทพ- 5 พฤษภาคม 2564:  ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เปิดตัว Galaxy VL ขนาด 200-500 kW (400V/480V) ยูพีเอส ระบบไฟ 3 เฟส รุ่นล่าสุดในตระกูล Galaxy ที่มาในรูปโฉมขนาดกะทัดรัดประสิทธิภาพสูง พร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกแล้ว โดยให้ประสิทธิภาพในโหมด ECOnversion™ สูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้คืนทุนได้ภายใน 2 ปี (ขึ้นอยู่กับรุ่น) สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารพาณิชย์

ด้วยขนาดและพื้นที่ห้องดาต้าเซ็นเตอร์มีจำกัด ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงออกแบบ Galaxy VL ให้มีขนาดกะทัดรัด โดยมีขนาดเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในอุตสาหกรรม เพียง 0.8 ตารางเมตร อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบแยกส่วนเป็นโมดูล และปรับขนาดพลังงานได้ ช่วยให้มืออาชีพที่ดูแลดาต้าเซ็นเตอร์สามารถปรับกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้ ตั้งแต่ 200 กิโลวัตต์ ถึง 500 กิโลวัตต์ ด้วยโมดูลพลังงาน 50 กิโลวัตต์ต่อก้อน ซึ่งให้ความยืดหยุ่นรองรับการขยายการใช้งานตามความต้องการทางธุรกิจ

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังเปิดตัว Live Swap เพื่อใช้งานในรุ่น Galaxy VL นับเป็นการบุกเบิกฟีเจอร์ที่เป็นดีไซน์แบบ touch-safe ออกแบบมาเพื่อให้ความปลอดภัยตลอดกระบวนการในเวลาที่ต้องสัมผัสเพื่อใส่เพิ่ม หรือเปลี่ยนโมดูลพลังงานในขณะที่ยูพีเอสกำลังออนไลน์และกำลังทำงานอย่างเต็มรูปแบบอยู่ ช่วยยกระดับความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เกิดดาวน์ไทม์นอกแผน นอกจากนี้การออกแบบที่ให้การสัมผัสที่ปลอดภัยแบบ Live Swap ยังช่วยเพิ่มการปกป้องให้กับเจ้าหน้าที่โดยไม่ต้องถ่ายโอนยูพีเอสเพื่อนำไปซ่อมบำรุง (Maintenance Bypass) หรือในการทำงานของแบตเตอรี่ ระหว่างการใส่หรือนำโมดูลพลังงานออกไป

“Galaxy VL รุ่นใหม่ ให้ประสิทธิภาพด้านพลังงาน ให้มาตรฐานระดับที่สูงมากสำหรับนวัตกรรมด้านยูพีเอส และได้รับการออกแบบเพื่อช่วยลูกค้าของเราให้เติบโต ในขณะที่ช่วยลดการใช้พื้นที่ และลดต้นทุนการเป็นเจ้าของได้” มุสตาฟา เดอมีร์กอล รองประธานฝ่ายการบริหารจัดการด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับไฟฟ้า 3 เฟสทั่วโลก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “เรายังคงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความต้องการเพื่อรองรับอนาคตสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ และตอบโจทย์ความต้องการเรื่องความสามารถในการปรับตัว ความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในตระกูล Galaxy เป็นผลิตภัณฑ์ Green Premium ที่ให้ประสิทธิภาพชั้นนำ ช่วยสนับสนุนวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน และเติมเต็มช่องว่างในตลาดก่อนหน้านี้ สำหรับภาคพลังงานระดับกลาง หรือ midrange”

ความโดดเด่นและประโยชน์หลักของ Galaxy VL รุ่นใหม่

·ใช้พื้นที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อมอบศักยภาพการเติบโตในอนาคต  Galaxy VL มีขนาดกะทัดรัดที่สุดในบรรดา UPS ทั่วไปในอุตสาหกรรม โดยมีขนาดเล็กกว่า UPS ทั่วไปโดยเฉลี่ยถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 0.8 ตารางเมตร ช่วยลดการใช้พื้นที่ที่มีค่าในดาต้าเซ็นเตอร์ และพื้นที่สำหรับจัดวางอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ นอกจากนี้ Galaxy Lithium-ion Battery Cabinets ยังช่วยประหยัดพื้นที่ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับโซลูชันแบตเตอรี่แบบ VRLA

 ·ประหยัดค่าใช้จ่าย  แพลตฟอร์มแบบแยกโมดูลและปรับขยายตามความต้องการใช้งานได้ ช่วยให้จ่ายค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นตามการเติบโต (pay-as-you-grow) ช่วยลด CapEx หรือค่าใช้จ่ายในการลงทุน ลดต้นทุนการดำเนินงาน ลดการใช้พลังงาน และลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม (TCO) นอกจากนี้ ยังสามารถปรับกำลังไฟเพิ่มได้ทันทีที่ต้องการทีละ 50 กิโลวัตต์จาก 200 ถึง 500 กิโลวัตต์โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่

 ·บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน  เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ในโหมด ECOnversion สำหรับการคืนทุนอย่างเต็มรูปแบบภายใน 2 ปี (ประหยัดค่าไฟฟ้าปีละ 26,280 ยูโร คิดเป็นเงินไทยเกือบล้านบาท) อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็น Green Premium รวมไปถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนซึ่งเป็นออปชั่นเสริมที่ใช้งานได้ยาวนาน

 ·เพิ่มความน่าเชื่อถือผ่านอีโคสตรัคเจอร์  สามารถเชื่อมต่อ Galaxy VL ไปยัง EcoStruxure ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มและสถาปัตยกรรมในระบบเปิด ของชไนเดอร์ อิเล็กทริค ที่ให้ความสามารถในการทำงานร่วมกันและให้ศักยภาพด้าน IoT โดยผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์สามารถได้รับประโยชน์จาก EcoStruxure™ IT ทั้งซอฟต์แวร์และบริการต่างๆ การนำเสนอของ  EcoStruxure ในเรื่องเหล่านี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถมอนิเตอร์ บริหารจัดการ และสร้างแบบจำลองโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตน อีกทั้งยังได้รับบริการสนับสนุนตลอด 24 x 7  ทุกที่ ทุกเวลา

The Galaxy VL พร้อมวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก สามารถศึกษาและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ web page

เกี่ยวกับอีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure™)

อีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure™) คือ แพลตฟอร์มแบบเปิดที่ใช้งานร่วมกับระบบ IoT ซึ่งอีโคสตรัคเจอร์  มุ่งเน้นในเรื่องของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และการเชื่อมต่อให้กับลูกค้าของเรา อีโคสตรัคเจอร์ ยังยกระดับความก้าวหน้าในเรื่องของ IoT โมบิลิตี้ การตรวจจับ คลาวด์ การวิเคราะห์ และระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ (Cybersecurity) มาใช้ในการมอบนวัตกรรมในทุกระดับ (Innovation at Every Level) ซึ่งครอบคลุมในเรื่องของการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ (connected products) ระบบควบคุมปลายทาง (Edge Control) ตลอดจนแอปพลิเคชัน รวมถึงการวิเคราะห์และการบริการต่างๆ (Apps, analytics, and services) โดย EcoStruxure™ ได้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 500,000 ไซต์งาน โดยมีผู้พัฒนาคอยให้การสนับสนุนมากกว่า 20,000 ราย มีผู้ให้บริการ และคู่ค้า 650,000 ราย โครงข่ายไฟฟ้าราว 3,000 แห่ง และมีการเชื่อมต่อสินทรัพย์มากกว่า 2 ล้านชิ้น ภายใต้การบริหารจัดการ

จากที่ปรึกษาด้านพลังงานและความยั่งยืน ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพตลอดช่วงอายุการใช้งาน (life cycle) ของระบบการดำเนินงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีบริการทั่วโลกที่ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาที่วางใจได้ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ ช่วยปรับปรุงต้นทุนความเป็นเจ้าของให้ดีขึ้น และช่วยขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัลให้กับองค์กรธุรกิจได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ