EDU Research & ESG

'ออสเตรเลียis Calling'บริติชเคานซิล สานฝันWork and Holiday คนไทย



“ออสเตรเลีย is Calling”! บริติช เคานซิล สานฝันโครงการ Work and Holiday แดนจิงโจ้อัพสกิลภาษาคนไทย ผ่านด่าน IELTS ฉลุย ด้วยแพลตฟอร์ม Pre-test และตัวช่วยสอบซ้ำเฉพาะพาร์ทที่พลาดไป

ถ้ามีการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ เมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก จะมีเมืองในออสเตรเลียเป็นหนึ่งในนั้นถ้ามีการจัดอันดับประเทศที่ระบบการศึกษาดี น่าทำงาน น่าย้ายไปตั้งถิ่นฐาน หรือประเทศที่ดีที่สุดในโลกในภาพรวม ก็จะมีออสเตรเลียเป็นหนึ่งในนั้น

จากผลการจัดอันดับต่างๆ ในปี 2023 ที่ผ่านมาพบว่า เมืองน่าอยู่มากที่สุดมี เมลเบิร์นและซิดนีย์ ของออสเตรเลีย อยู่ในอันดับที่ 3 และ 41 ตามลำดับ  เมืองที่คุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกมี ซิดนีย์ ติดอยู่ในอันดับที่ 92 ประเทศที่ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกมี ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 53 ประเทศที่น่าทำงานที่สุดในโลก ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 104 ประเทศที่น่าย้ายไปอยู่ที่สุดในโลกมี ออสเตรเลีย อยู่ในอันดับที่ 95 ประเทศที่ดีที่สุดในโลกมี ออสเตรเลีย อยู่ในอันดับที่ 45

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เรื่องเรียน เรื่องทำงาน ก็จะมีออสเตรเลียอยู่ในระดับตัวท้อปเสมอ ถ้าใครชอบท่องเที่ยว ออสเตรเลียมีภูมิประเทศและทิวทัศน์ที่สวยงาม ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีชายหาดล้อมรอบประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย กิจกรรมการท่องเที่ยวหลากหลาย การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเดินทางไปเที่ยวตามเมืองต่างๆ ได้ง่าย  ถ้าใครอยากไปฝึกทักษะภาษา ที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร มาตรฐานการศึกษาของที่นี่ก็ไม่เป็นรองใคร มีโรงเรียนสอนภาษาคุณภาพระดับสากลหลายแห่ง และมีมหาวิทยาลัยชั้นนำติดอันดับโลก ถ้าใครอยากไปทำงานที่นี่ก็มีค่าแรงงานขั้นต่ำที่สูง ทำให้ชาวต่างชาติสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ งานก็มีให้เลือกหลากหลาย มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่เป็นธรรม หรือแม้แต่หากคิดจะไปอยู่อาศัยที่นี่ก็เป็นประเทศที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดี มีสภาพอากาศเหมาะสมกับคนไทย ผู้คนเป็นมิตร และที่สำคัญเป็นประเทศที่เปิดกว้างพร้อมต้อนรับชาวต่างชาติไม่ว่าจะไปเรียน ไปเที่ยว หรือไปทำงานแถมค่าครองชีพก็ไม่สูงเกินไปด้วย

ทั้งน่าเรียน น่าท่องเที่ยว น่าทำงาน ตอบโจทย์ครบขนาดนี้  จึงไม่แปลกที่เมื่อไหร่ก็ตามที่กรมกิจการเด็กและเยาวชนเปิดรับสมัครโครงการตรวจลงตราลงทำงานและท่องเที่ยวไทย-ออสเตรีเลียหรือ Work and Holiday Visa Thailand – Australia (WAH) จึงมีผู้มาลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมากและเต็มอย่างรวดเร็วราวกับกดแย่งชิงบัตรคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี

Work and Holiday คืออะไร? ทำไมใครๆ ก็อยากไป

Work and Holiday Visa Thailand – Australia หรือเรียกสั้นๆ ว่า WAH เป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี จำนวน 2,000 คน ได้ไปเรียนรู้โลกกว้างในต่างแดน โดยออกวีซ่าให้ไปเรียน ไปท่องเที่ยวพร้อมทำงานในประเทศออสเตรเลียอย่างถูกกฎหมายเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งนอกจากจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิต เรียนรู้วัฒนธรรมได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และมีโอกาสพบเพื่อนใหม่แล้ว ยังสร้างโปรไฟล์ที่ดีสำหรับต่อยอดการทำงานในอนาคตได้อีกด้วย

เบิกทางท่องโลกกว้าง ด้วย IELTS

แม้ประเทศออสเตรเลียจะเปิดกว้างและยินดีต้อนรับทุกคน แต่การจะแย่งชิงเป็น 1 ใน 2,000 ของโควตาวีซ่านั้นค่อนข้างโหดหินพอสมควร นอกจากความรวดเร็วในการกดสมัครให้ทันแล้ว จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่โครงการกำหนดด้วย ซึ่งหนึ่งในเบิกทางสำคัญคือ ต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์ของโครงการ เพราะการไปใช้ชีวิตในต่างถิ่นต่างภาษา โดยเฉพาะต้องไปเรียนหรือไปทำงานด้วยนั้น จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษพอสมควรเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการพูดคุยหรือติดต่อสื่อสาร โดยระบบการทดสอบภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับทั่วโลกและนำมาเป็นใบผ่านสำหรับโครงการ WAH นี้ ก็คือการสอบ IELTS  ซึ่งย่อมาจาก International English Language Testing System และหากใครยังไม่มีผลสอบและกำลังมองหาว่าจะไปสอบที่ไหน เราขอแนะนำบริติช เคานซิล สถาบันการสอนและสอบภาษาอังกฤษมาตรฐานระดับโลกซึ่งจัดสอบมาแล้วกว่า 3 ล้านคน ในมากกว่า 850 เมืองชั้นนำทั่วโลก พร้อมมอบประสบการณ์การสอบที่แตกต่างให้ทุกคน

ทำไมต้องเลือกสอบ IELTS กับบริติช เคานซิล

·สมัครปั๊บ รับ “ติวเตอร์” ส่วนตัวทันที ต้องที่บริติช เคานซิลเท่านั้น!

เพราะบริติช เคานซิล ไม่ใช่แค่สนามสอบ แต่เราจัดสอบเพื่อมุ่งหวังให้ผู้เข้าสอบทุกคนได้รับ ผลคะแนนการสอบที่ดีเยี่ยม ฉะนั้นเมื่อลงทะเบียนสมัครสอบกับเราจะได้รับสิทธิพิเศษเข้าใช้โปรแกรม IELTS Ready Premium” ทันที ซึ่งเป็นโปรแกรมการเรียนรู้ที่เปรียบเหมือน “ติวเตอร์” ส่วนตัว ที่จะช่วยเพิ่มความรู้และฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้วยคลาสเรียนออนไลน์ พร้อมช่วยทบทวนความรู้ด้วยแบบฝึกหัดกว่า 40 ชุด ครอบคลุมครบทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอบ ยิ่งสมัครสอบล่วงหน้านานก็ยิ่งมีเวลาเตรียมตัวมากยิ่งเพิ่มโอกาสสอบผ่านและทำคะแนนได้ดี

·สถานที่สอบครอบคลุมทั่วไทย วัน-เวลาสอบหลากหลาย เลือกสอบได้ตามที่สะดวก

เพราะบริติช เคานซิล คำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้สอบเป็นหลัก เราจึงจัดให้มีศูนย์สอบ IELTS มากถึง 16 แห่ง ใน 9 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา และ ภูเก็ต พร้อมวัน – เวลา ให้เลือกสอบหลากหลาย สอบได้ตลอดทั้งปี และรองรับผู้สอบได้มากกว่า 500 คน ต่อสัปดาห์

นอกจากนี้ การสอบ IELTS ยังมีให้เลือกทั้งการสอบแบบกระดาษ (IELTS on Paper) และการสอบแบบคอมพิวเตอร์ (IELTS on Computer) สามารถเลือกสอบได้ตามความถนัด ซึ่งไม่ว่าจะสอบแบบใดก็ใช้ข้อสอบเดียวกัน มาตรฐานการสอบเหมือนกัน

·บรรยากาศเอื้อ อุปกรณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

เพราะบริติช เคานซิล ต้องการให้ผู้สอบได้รับประสบการณ์ในการสอบที่ดีที่สุด เราจึงให้ความสำคัญกับสถานที่จัดสอบอย่างยิ่ง ทุกศูนย์สอบ IELTS ของบริติช เคานซิลจะจัดสอบในห้องขนาดใหญ่ที่นั่งสอบมีความเป็นส่วนตัว จัดเว้นระยะห่างอย่างพอดี ไม่อึดอัด บรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนพร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์การสอบที่ทันสมัยไว้คอยบริการ ทั้งระบบคอมพิวเตอร์เวอร์ชั่นอัพเดทล่าสุด หูฟังคุณภาพเยี่ยม เสียงดัง ฟังชัด ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก พร้อมวีดิโอแนะนำการทำข้อสอบในแต่ละพาร์ตก่อนเริ่มทำข้อสอบจริงเพื่อให้ผู้สอบเข้าใจลักษณะและวิธีทำข้อสอบได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งการสอบ IELTS ในพาร์ตSpeaking ผู้สอบสามารถเลือกได้ว่าจะสอบแบบ Face-to-Face หรือ Video Call นอกจากนี้ เรายังได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญไว้คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือตลอดการสอบ

·รู้ผลเร็วทันใจ ยิ่งรู้ไว ยิ่งได้เปรียบ

เพราะบริติช เคานซิลตระหนักดีว่ายิ่งรู้ผลสอบไวก็ยิ่งนำไปใช้งานได้เร็ว เราจึงเร่งตรวจข้อสอบและแจ้งผลสอบให้ทราบโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ระหว่างรอผลนาน ซึ่งหากเลือกสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (IELTS on Computer) จะใช้เวลาเพียง 3-5 วัน หลังสอบเท่านั้น ยกเว้นติดวันอาทิตย์หรือตรงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผลสอบจะเลื่อนไปออกในวันทำการถัดไป โดยผู้สอบสามารถตรวจสอบผลได้โดยตรงบนเว็บไซต์ของบริติช เคานซิล ส่วนผลการทดสอบอย่างเป็นทางการจะถูกส่งผ่านไปรษณีย์ภายใน 13 วัน หลังวันสอบ เช่นเดียวกับการสอบแบบกระดาษ (IELTS on Paper)

·สอบไม่ผ่าน ก็ Retake ได้ ไม่ต้องสอบใหม่ทั้งหมด

เพราะบริติช เคานซิลต้องการให้ผู้สอบทุกคนมีผลการสอบที่น่าพอใจที่สุด หลังได้รับผลการสอบแล้ว หากใครสอบไม่ผ่านหรืออยากปรับปรุงคะแนนเฉพาะพาร์ตใดพาร์ตหนึ่งให้ดีขึ้น เรามีฟีเจอร์พิเศษ One Skill Retake” ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้สอบสอบใหม่ได้ “เฉพาะพาร์ตที่ต้องการ” โดยสามารถเลือกสอบทักษะใดทักษะหนึ่งในสี่ทักษะทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสอบใหม่ทั้งหมด สามารถทุ่มเทให้พาร์ตที่ต้องการสอบได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากใครต้องการสอบแบบนี้จะต้องสอบกับบริติช เคานซิล เท่านั้น เพราะเป็นผู้จัดสอบแบบ One Skill Retake แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งรูปแบบและระยะเวลาในการสอบจะเหมือนการสอบปกติ แต่มีเงื่อนไขเล็กน้อยตรงที่ผู้สอบต้องเลือกการสอบแบบคอมพิวเตอร์ (IELTS on Computer) ณ สนามสอบที่กำหนดเท่านั้น เพราะบางสนามสอบยังไม่รองรับ IELTS One Skill Retake และต้องสมัคร Retake ภายใน 60 วัน หลังได้รับผลสอบรอบแรก และสามารถเลือก Retake ได้เพียงครั้งเดียวและพาร์ตเดียวเท่านั้น ไม่สามารถเลือกหลายๆ พาร์ตพร้อมกันได้

สำหรับใครที่เตรียมตัวมาอย่างดีและพร้อมลงสนามสอบแล้ว  สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ www.britishcouncil.or.th หรือเฟสบุ๊คแฟนเพจ IELTS British Council Thailand