In Thailand

หลวงพี่น้ำฝนเจรจายุติศึกในวัดจันทร์ใน จับมือเดินหน้าพัฒนาวัดเพื่อชุมชน 



นครปฐม-หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม สวมบทคนกลาง รับเข้าเจรจาอย่าศึกวัดจันทร์ใน หลังพระลูกวัดขัดแย้งเจ้าอาวาส โดยปัญหาเริ่มบานปลาย หลังออกรายการโหนกระแส ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่มีท่าทีเจรจากันได้ โดยหลวงพี่น้ำฝนใช้เวลา 2 ชั่วโมง หารือทั้งสองฝ่าย สุดท้ายทุกฝ่ายยอมยุติเตรียมกาวใจหลังปาติโมกข์ โดยพระลูกวัดพร้อมกราบขอขมา และปฏิบัติกิจตามที่เจ้าอาวาสสั่งการ เพื่อให้วัดจันทร์ใน กลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนบางคอแหลม 

วันนี้ 12 เมษายน 67  พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เผยว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ได้เดินทางไปยังวัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้ารับฟังข้อปัญหาข้อพิพาทภายในวัดจันทร์ใน ระหว่างพระครูโสภณกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ในและคณะสงฆ์ภายในวัด ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมาหลายปี พร้อมกับทำความเข้าใจเรื่องปัญหากับทั้ง 2 ฝ่าย กระทั่งได้ข้อยุติว่าจะมีการยุติปัญหาเพื่อให้วัดจันทร์ใน และคณะสงฆ์เป็นศูนย์รวมจิตใจในชุมชนของชาวบ้านบางคอแหลม 

โดย นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร "ทนายพจน์" นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย เผยว่า หลังจากปัญหาภายในวัดจันทร์ใน ซึ่งเกิดขึ้นหลายปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะหารือเพื่อความเข้าใจตกลงกันได้ โดยล่าสุดได้มีการไปออกรายการ "โหนกระแส" ทำให้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงเรื่องความขัดแย้งของคณะสงฆ์ซึ่งเป็นที่ไม่สบายใจด้วยตนเองได้ทิ้งท้ายไว้ว่าปัญหานี้หากตนเองหรือแม้มูลนิธิทนายกองทัพธรรม จะมีการนำข้อมูลมาหารือกันก็อาจจะไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ซึ่งจะต้องมีคนกลางที่เป็นคนนอกที่ไม่มีผลประโยชน์หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เข้ามาไกล่เกลี่ยและทำความเข้าใจกัน เพื่อให้สามารถยุติปัญหาได้ โดยได้มีการเสนอชื่อ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ซึ่งเป็นที่รู้จักของคณะสงฆ์ทางฝ่ายพระลูกวัด จึงได้รับการเห็นชอบว่าควรจะเป็นตัวแทนเข้ามาไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้ จากนั้นตนเองจึงได้ประสานไปยังหลวงพี่น้ำฝน เพื่อที่จะให้เข้ามาเป็นตัวแทนในการเจรจาเบื้องต้นกันก่อน ว่าจะสามารถหาแนวทางใดที่จะหารือกับทางท่านเจ้าอาวาสในการยุติปัญหาดังกล่าว จากนั้นหลวงพี่น้ำฝนจึงได้ ประสานหารือไปยังทางพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ปกครอง เพื่อจะขอลองเข้ามาเจรจาพูดคุยหาแนวทางออกสำหรับปัญหานี้ จึงได้นำมาสู่การเริ่มต้นการเจรจากันในที่สุด 

โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่าในการเข้าหารือวันนี้ได้รับการประสานงานมา เพื่อที่จะมาหาข้อยุติและเป็นตัวกลางโดยแท้จริง ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งทาง ท่านเจ้าอาวาส และทางพระลูกวัดที่มีปัญหากันอยู่ แต่ได้เข้ามาชี้แจงว่าการ ที่พระลูกวัด ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าอาวาส เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมไม่สมควร เพราะการปกครองโดยคณะสงฆ์ผู้เป็นใหญ่ในวัดคือเจ้าอาวาส และขอให้ปัญหานี้ซึ่งเป็นปัญหาของคณะสงฆ์ต้องแก้ที่ตัวพระสงฆ์ก่อนด้วยระบบการปกครอง ที่มีโดยฝ่ายคณะของพระมหาวีรวง ได้น้อมรับคำแนะนำโดยให้ยึดหลักการคิดวิเคราะห์แยกแยะอย่างมีเหตุผล ซึ่งหากจะมีการขัดแย้งลุกลามไปถึงฆราวาสจะทำให้ปัญหาเกิดขึ้นกับคณะสงฆ์เนื่องจากจะทำให้ประชาชนเสื่อมความศรัทธาและสับสนเกิดข้อสงสัยและไม่สบายใจในวงการพระ จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีแต่เรื่องเสียหาย ซึ่งหลังหารือได้ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้ข้อยุติว่า คณะพระลูกวัดจะขอปฏิบัติกิจของสงฆ์ตามคำสั่งของเจ้าอาวาสตามที่เคยเป็นมาและจะยอมเข้าสู่กฎระเบียบที่ทางเจ้าอาวาสได้มีระเบียบแบบแผนการปกครองไว้ 

จากนั้นได้เข้าพบพระครูโสภณกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน ซึ่งชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเป็นปัญหาภายในที่สะสมมานาน แต่หากหลวงพี่น้ำฝน ได้ยืนยันว่าคณะสงฆ์ลูกวัดพร้อมที่จะน้อมรับการปฏิบัติกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์กับญาติโยมในชุมชนและพื้นที่ก็พร้อมที่จะรับฟังและยุติปัญหาทุกอย่าง โดยกำหนดที่จะมีการชำระเรื่องทั้งหมดในวันที่ 23 เมษายนนี้ซึ่งจะมีการปาติโมกข์ในช่วงบ่ายจากนั้นก็ จะมีการเปิดประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวเพื่อสะสางให้จบสิ้นเนื่อง ยังไม่เคยได้มีคนกลางที่เป็นภิกษุสงฆ์มาหารือและเจรจาหาแนวทางร่วมกัน ซึ่งหากทางคณะสงฆ์ที่เป็นพระลูกวัด จะมีการกราบขอขมาก็พร้อมน้อมรับและยินดีเพื่อให้วัดจันทร์ ยุติปัญหาความขัดแย้ง และสามารถ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านต่อไป 

หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้ายว่า ทิศทางในการหารือเป็นไปได้ด้วยดีทั้งสองฝ่ายซึ่งหลังจากช่วงงาน เทศกาลสงกรานต์สงกรานต์ซึ่งเป็น ช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของไทย ก็จะได้มีการประชุมทำข้อตกลงและทำความเข้าใจกัน ในหลายเรื่องที่เป็นข้อขัดแย้งซึ่งวันนี้ก็ทราบมาแล้วว่าเกิดจากอะไร โดยคณะสงฆ์พระรูปวัดก็ได้แจ้งความจำนงมาว่าหลังพิธีปาติโมกข์ก็จะมีการกราบขอขมา กับท่านเจ้าอาวาสและจะประสานความเข้าใจกันในวัด โดยข้อเท็จจริงปัญหา ของพระภิกษุสงฆ์ก็ควรแก้ในคณะภิกษุสงฆ์ หากเจรจากันได้แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันให้เป็นที่โจทก์จันทร์ของชาวบ้าน ซึ่งในส่วนที่อาตมาได้เข้ามาหารือในวันนี้ก็จะพูดแต่ในเรื่องของการปกครองของคณะสงฆ์ส่วนเรื่องของกฎหมายก็เป็นเรื่องอนาคตที่จะว่ากันต่อไปของสองฝ่ายแต่วันนี้ถือว่าบรรยากาศดีขึ้นมากและมีความชัดเจนว่าจะยุติลงได้ในไม่ช้านี้