In Thailand

รวมญาติตระกูล'ฆารสินธุ์'ร่วมทำบุญอุทิศ ส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษต้นตระกูล



กาฬสินธุ์-บุตรหลานขุนไชยทรงยศ ต้นตระกูล “ฆารสินธุ์” รวมญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศล แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ผู้สร้างคุณูปการแก่เมืองกาฬสินธุ์ 

วันที่ 14 เม.ย.67 ที่ห้องดอกเกด โรงแรมริมปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการประกอบพิธีทำบุญรวมญาติ อุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ของบุตรหลานขุนไชยทรงยศ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์คนแรก ต้นตระกูล “ฆารสินธุ์” นำโดย ผศ.ดร.วิทยา เจริญศิริ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และนางอุษณีย์ ตุลาบดี (ฆารสินธุ์) ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวและบุตรหลานขุนไชยทรงยศ ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น

ผศ.ดร.วิทยา เจริญศิริ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กล่าวว่าขุนไชยทรงยศ ต้นตระกูล “ฆารสินธุ์” นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์คนแรก นามเดิมว่า “ศรี” เป็นชาว อ.วารินชำราบ เมืองอุบลราชธานี กำเนิดในตระกูลข้าราชการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เริ่มรับราชการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนที่จะย้ายมารับราชการโดยดำรงตำแหน่งนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์คนแรก และภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ราชทินนามเป็น “ขุนไชยทรงยศ”
ผศ.ดร.วิทยากล่าวอีกว่า ขุนไชยทรงยศ สมรสกับสุภาพสตรีชาวเมืองกาฬสินธุ์ 2 ท่านคือสมรสกับนางก้าน มีบุตรธิดา 4 คน และสมรสกับนางแจ่ม มีบุตรธิดา 8 คน ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง นำความอยู่ดีมีสุขแก่มวลราษฎร ตามคำขวัญ “บำบัดทุกข์บำรุงสุข” ของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งนำความเจริญมาสู่เมืองกาฬสินธุ์หลายด้าน เช่น บูรณะศาลหลักเมืองกาฬสินธุ์ โดยอัญเชิญใบเสมา ศิลปะสมัยทวารวดีเมืองฟ้าแดดสงยาง มาประดิษฐานคู่กับเสาหลักเมืองเดิม, ได้รับมอบหมายจากพระยาชัยสุนทร (เก) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ อัญเชิญหลวงพ่อองค์ดำจากโบสถ์วัดบ้านนาขาม เมืองเขาวง (สมัยนั้น) มาประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่วัดกลาง(พระอารามหลวง) เป็นต้น

“ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ออกพระราชบัญญัตินามสกุล ขุนไชยทรงยศได้ขอพระราชทานนามสกุลว่า “ฆารสินธุ์” เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตรากตรำทุ่มเทกับการบริหารบ้านเมือง สุขภาพท่านจึงไม่ค่อยจะแข็งแรง จึงลาออกจากราชการเพื่อดูแลรักษาร่างกาย ก่อนที่จะถึงแก่กรรม สิริอายุได้ 63 ปี ทั้งนี้ เพื่อสำนึกในพระคุณและแสดงความกตัญญูแก่ท่าน ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลสำคัญคนหนึ่งของเมืองกาฬสินธุ์ และเป็นต้นตระกูล “ฆารสินธุ์” ซึ่งปัจจุบันมีพี่น้องวงศ์วานรวมกว่า 300 คน จึงได้ร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์ของท่าน และทำบุญรวมญาติ โดยทำบุญเลี้ยงพระ ปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นประจำทุกปีในช่วงวันสงกรานต์ที่เป็นวันครอบครัวด้วย บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น” ผศ.ดร.วิทยากล่าว