In News

​ไทย-นิวซีแลนด์ลงนามความตกลง2ฉบับ เดินหน้าสู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปี69



กรุงเทพฯ-​ไทย - นิวซีแลนด์ ลงนามความตกลง 2 ฉบับ พร้อมแถลงข่าวร่วมกัน ยกระดับความร่วมมือรอบด้าน โดยเฉพาะความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ในระดับประชาชนเดินหน้าสู่การเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ในปี 2569

วันนี้ (17 เมษายน 2567) เวลา 11.40 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้

1) ความตกลงด้านการศึกษา ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยแมสซีย์ ประเทศนิวซีแลนด์

2) ความตกลงด้านการจัดหา ซ่อมแซม และการบำรุงรักษา ระหว่าง Thai Aviation Industries Co., Ltd. ประเทศไทย และ NZSkydive Limited ประเทศนิวซีแลนด์

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและนิวซีแลนด์แถลงข่าวร่วมกันโดยสรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าว ดังนี้

นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และคณะ ในโอกาสซึ่งถือเป็นการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในรอบ 11 ปี โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และครอบคลุม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมถึงมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนนิวซีแลนด์ และการลงนามความตกลงร่วมกัน 2 ฉบับ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงผลลัพธ์สำคัญจากการหารือ ดังนี้  

1) การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์สู่การเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” (Strategic Partnership) ในปี 2569 หรือเร็วว่านั้น ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติ และบรรลุความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างเต็มศักยภาพ

2) การส่งเสริมความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคง โดยเฉพาะความคืบหน้าของแผนความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ และการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์และยาเสพติด ความมั่นคงทางไซเบอร์ รวมถึงการก่อการร้าย และแนวคิดสุดโต่ง

3) การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยไทยและนิวซีแลนด์ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 3 เท่า ภายในปี 2588 ซึ่งจะสอดคล้องกับความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย - นิวซีแลนด์ (Thai - New Zealand Closer Economic Partnership Agreement: TNZCEP) ที่เพิ่มพูนการค้าทวิภาคีของทั้งฝ่ายมาตั้งแต่ปี 2548

ไทยและนิวซีแลนด์จะกระชับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีการเกษตร การเกษตรอัจฉริยะ เทคโนโลยีอาหาร พลังงานหมุนเวียน การแพทย์แม่นยำ และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยนายกรัฐมนตรียังยินดีที่หารือร่วมกับคณะภาคเอกชนนิวซีแลนด์ในครั้งนี้ด้วย เชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมสร้างโอกาสการลงทุนในไทยได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมและโครงการเป้าหมายของไทย รวมถึงในโครงการ Landbridge

4) การส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน โดยมีคนไทยอยู่ในนิวซีแลนด์ประมาณ 13,000 คน และยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านการศึกษายอดนิยมของนักเรียนไทย จึงเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการศึกษา และวัฒนธรรมให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

สำหรับด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงการอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตรา และการกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์มาไทยเป็น 100,000 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทยไปนิวซีแลนด์เป็น 40,000 คน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมแสวงหาความร่วมมือและเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีของกันและกัน ในด้านการท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน (Regenerative Tourism) รวมทั้งการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ (movie-induced tourism)

ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและนานาชาติ โดยไทยยินดีต่อความตั้งใจของนิวซีแลนด์ในการเข้าเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECS ซึ่งสอดคล้องกับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียน - นิวซีแลนด์ รวมถึงความตั้งใจของนิวซีแลนด์ในการผลักดันความสัมพันธ์อาเซียน-นิวซีแลนด์ สู่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ภายในปี 2568

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณนิวซีแลนด์ที่พร้อมพิจารณาให้การสนับสนุนไทยในการขอเข้าเป็นสมาชิก OECD รวมถึงสนับสนุนผู้แทนของไทยในการลงสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) สำหรับวาระปี พ.ศ. 2568 – 2570 

ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาค และประเด็นของโลก สำหรับสถานการณ์เมียนมาไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าทุกฝ่ายจะเดินหน้าไปสู่การเจรจาอย่างสันติ และปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การเยือนในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ มั่นใจว่าความร่วมมือทวิภาคีและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จะเสริมสร้างมิตรภาพและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยินดีกับการจะฉลองการครบรอบ 70 ปีแห่งความสัมพันธ์ทวิภาคีในปี ค.ศ. 2026 ซึ่งถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานและแน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ด้านการค้า เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องจะยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) และตั้งเป้าที่จะเพิ่มการค้าระหว่างกันสามเท่าภายในปี 2045 ในตอนท้าย นรม นิวซีแลนด์กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับคณะเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพ และได้มีความเห็นร่วมกันว่ามีโอกาสที่ผู้นำทั้งสองจะได้ร่วมมือกันอีกมาก