Authority & Harm

ย้ายตร.ทล.ลพบุรีถูกรถชนสาหัสไม่สำเร็จ บินขึ้น5นาทีต้องปรับแผนเหตุชีพจรต่ำ



ลพบุรี-ตำรวจทางหลวงลพบุรี ถูกรถชนสาหัส ขณะปฏิบัติติหน้าที่ เทศกาลสงกรานต์ กองบินตำรวจไม่สามารมารถเคลื่อนย้ายคนเจ็บได้หลังขึ้นบิน 5 นาที ต้องปรับแผ่น กลับมาลงจอด เนื่องจากชีพจรต่ำ คนไข้อาการวิกฤติ ต้องย้ายด่วนเข้าโรงพยาบาลในตัวจังหวัดแทน ล่าสุดยังไม่พ้นขีดอันตราย 

เมื่อวันที่ 17 เม.ย67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุที่ จนท.ตำรวจทางหลวงลพบุรี ถูกรถยนต์กระบะพุงเข้าชน ขณะที่เจ้าตัวปฏิบัติหน้าที่ อำนวยความสะดวกการจราจร ให้แก่ประชาชน ในช่วงระหว่าง ที่ประชาชนเดินทางกลับเข้าทำงาน หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ เกิดเมื่อเวลา 18.00 น.ของวันที่ 16 เม.ย.67  (วานนี้ )ซึ่งเป็นเวลาที่  ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ ตำรวจทางหลวง หมวดทางหลวงบ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี  ขณะปฏิบัติหน้าที่อำนวยสะดวกด้านการจรจร อยู่บนทางหลวงหมาเลขที่  21 หมู่ที่ 4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี  ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กร.1405 สระบุรี ขับมาชนจนร่าง ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ กระเด็ดลอยไปไกลราว 10 เมตร ศรีษะด้านหน้ากระแทกกับพื้นล้มหมดสติอาการสาหัส โดยมีเจ้าหน้าหน่วยกู้ภัย จากมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่อยู่ใกล้กันกับตำรวจ ซึ่งขณะนั้น ได้ช่วยอำนวยความสะดวดด้านการจราจรอยู่ด้วยกัน ได้รีบนำตัว  ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ  ส่งยัง โรงพยาบาลพัฒนานิค อ.พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี 

สำรับผู้ขับขี่รถยนต์กระบะรถยนต์กระยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กร.1405 สระบุรี เป็นสุภาพสตรี ทราบชื่อต่อมา ชื่อ น.ส.พรเพ็ช ปั้นสมใจ  หลังจากชน ดต.ปิยนันท ฯ  รถยนต์ไม่สามารถไปไหนได้ จึงถูกเจ้าหน้าที่ควบคุม ไปดำเนินการสอบสวน ยัง สถานีตำรวจภูธรพัฒนานิคม 
 
 ส่วนสาเหตุที่ขับมาชน ตำรวจทางหลวง นั้น เป็นเพราะในช่วงขณะเกดเหตุเป็นช่วงที่ ตำรวจทางหลวง ได้วางกรวยขยายช่องทางพิเศษ เพื่อให้รถวิ่งโดยสะดวก แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นทางคอขวด และ ช่วงนั้น ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ ยืนคอยโบกรถอยู่ น.ส.พรเพ็ช ปั้นสมใจ ไม่ทันสังเกตุเห็น  จึงขับมาชนอย่างแรง จนทำให้ ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ บาดเจ็บสาหัส

 สำหรับ ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ เป็นตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนเร็ว เมื่อยามคับขัน ตรงไหนที่มีการจราจรติดขัด ก็จะรีบไปอำนวยความสะดวกทันที  โดยเฉพาะในวันที่เกิดเหตุ เป็นวันที่ประชาชน และ นักท่องเทียวกำลังลังจะเดินทางกลับจากภูมิลำเนา เพื่อกลับเข้าทำงานหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ รถติดขัดหนาแน่นมาก โดยเฉพาะในช่วง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี บนถนนสาย หล่มสัก หมุ่งหน้า สระบุรี  

และอาการที่สาหัสทางสมอง ของ ดต.ปิยนันท์ สีเสื้อ สำนักงานตำรวจทางหลวงลพบุรี ได้ติดต่อประสานงาน กับ กองบินตำรวจ เพื่อขอสนับสนุน ให้นำ เฮลิคอปเตอร์ มารับผู้บาดเจ็บ ที่ รพ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เพื่อส่งต่อไปยัง โรงพยาบาลตำรวจ ใน กทม. จนกระทั้งเวลา 22:00 น. เฮลิคอปเตอร์ จากกองบินตำรวจ พร้อมแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉิน ได้บินมาลงจอด ณ สนามโรงเรียนพัฒนานิคม ซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาล ราว 1 กิโลเมตร เพื่อรับตัว ดาบตำรวจปิยนันท์ สีเสื้อ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถชนในขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนำตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ ได้ยกตัวขึ้นไปได้ประมาณ 5 นาที นักบินได้ประสานกลับลงมายังภาคพื้น เพื่อนำเฮลิคอปเตอร์ บินกลับมาลงจอด ณ จุดเดิม โดยได้รับแจ้ง จากทีมแพทย์ที่ดูแลอยู่บนเครื่องว่า   ชีพจรของ ดาบตำรวจ  ปิยนันท์ สีเสื้อ ตกอย่างกะทันหัน ความดันไม่คงที เนื่องจากความกดอากาศ คนไข้อยู่ในอาการวิกฤติ ไม่สามารถนำไปต่อได้ จึงได้ให้รถพยาบาล   มารับออกจากเฮลิคอปเตอร์ นำไปยังโรงพยาบาลพัฒนานิคม   เหมือนเดิม ซึ่งหลังจากทีมแพทย์ได้ประเมินแล้ว จึงได้ขอส่งต่อ ดาบตำรวจปิยนันท์ ด้วยการเคลื่อนย้ายทางรถยนต์ ไปยัง โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช อ.เมืองลพบุรี   ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ อยู่ห่างไปราว 40 กิโลเมตร แต่มีเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคคลากรทางการแพทย์พร้อมมากกว่า   โดยระหว่างการเคลื่อนย้าย ตำรวจทางหลวงลพบุรี ได้วิทยุประสานขอความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รวมถึงมูลนิธิต่างๆ ทั้ง ร่วมกตัญญู และ ปอเต็กตึ้ง ที่มีรถสัญญาไฟฉุกเฉิน ช่วยอำนวยความสะดวกในการปิดเส้นทางการจราจรเป็นการชั่วคราว ในขณะที่รถ Ambulance ทำการเคลื่อนย้าย เพื่อส่งต่อคนเจ็บเป็นกรณีพิเศษ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

โดยเบื้องต้น ทีมแพทย์ประเมินว่า...ดาบตำรวจปิยนันท์ฯ เสียเลือดมาก และมีภาวะสมองบวม ถือเป็นอาการที่มีความรุนแรงมาก หากไม่รับการรักษาอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หรือหากรับการรักษาช้าเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวตามมา ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดเป็นการด่วน โดยเบื้องต้นได้ให้ยากระตุ้น เพื่อให้ชีพจร และ ความดันกลับมาคงที่ แต่ต้องดูอาการหลังการผ่าตัดอีกครั้ง และยังคงต้องอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่พ้นขีดอันตราย

ทวีศักดิ์/ลพบุรี