In News
ไทยให้สปป.ลาวกู้เงิน1.8พันล.ผ่อน30ปี ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข12(R12)
กรุงเทพฯ-รองโฆษกเกณิกา เผย ครม. เห็นชอบให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาล สปป. ลาว ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข 12 (R12)
นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (18 เมษายน 2567) มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข 12 (R12) ช่วงเมืองท่าแขก - จุดผ่านแดนนาเพ้า สปป. ลาว (โครงการ R12) จำนวน 1,833,747,000 บาท ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินโครงการ R12 เริ่มต้นจากเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน บริเวณจุดเชื่อมต่อกับถนนหมายเลข 13 ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรนครพนม ประมาณ 17 กิโลเมตร (ผ่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 3) เชื่อมต่อไปยังเมืองยมมะลาด เมืองบัวพะลา สิ้นสุดที่บริเวณจุดผ่านแดนสากลนาเพ้า สปป. ลาว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่านแดนสากลจาลอ กวางบิงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระยะทางประมาณ 147 กิโลเมตร ประกอบด้วย
1. ปรับปรุงสายทางตามมาตรฐานทางหลวงสายเอเชีย (Asian Highway)
2. ปรับปรุงจุดผ่านแดน อาคารสำนักงานต่าง ๆ สถานีขนถ่ายสินค้าและลานกองเก็บ ระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบริเวณด่าน
3. ปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณทางร่วมทางแยกในชุมชนระบบระบายน้ำ และติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยบริเวณจุดเสี่ยงอันตราย
4. พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกแหล่งท่องเที่ยว
โดยมีเงื่อนไขและรูปแบบการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ดังนี้
(1) เงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน | ||||||||||||||||||
(1.1) อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.75 ต่อปี (1.2) อายุสัญญา 30 ปี (รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 7 ปี) (1.3) ค่าธรรมเนียมบริหารของ สพพ. ร้อยละ 0.15 ของวงเงินกู้ (1.4) ระยะเวลาการเบิกจ่าย 6 ปี นับจากวันที่ลงนามในสัญญา (1.5) ผู้ประกอบการงานก่อสร้างและที่ปรึกษา นิติบุคคลสัญชาติไทย (1.6) การใช้สินค้าและบริการจากประเทศไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าสัญญา (1.7) ผู้รับเหมาก่อสร้างและที่ปรึกษา นิติบุคคลสัญชาติไทย (1.8) กฎหมายที่ใช้บังคับ กฎหมายไทย |
||||||||||||||||||
(2) รูปแบบการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน | ||||||||||||||||||
(2.1) วงเงินให้ความช่วยเหลือในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน1 (Concessional Loan) วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,833,747,000 บาท ดังนี้
(2.2) แหล่งที่มาของเงินทุนโครงการ R12 ประกอบด้วย
(2.2.2) เงินกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศ (เงินนอกงบประมาณ) คิดเป็นร้อยละ 50 ในส่วนของเงินกู้ รวมวงเงิน 871,342,000 บาท ซึ่ง สพพ. จะกู้เงินระยะเวลา 5 ปี โดยใช้วิธีการประมูลเพื่อหาผู้เสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุด โดยในช่วง 5 ปีแรก ใช้ประมาณการอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปี ซึ่งภายหลังจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกพันธบัตรระยะเวลา 10 ปี สำหรับปีที่ 6 - 15 และออกพันธบัตรระยะเวลา 15 ปี สำหรับปีที่ 16 - 30 โดยใช้ประมาณการอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.00 ต่อปี โดย สพพ. เป็นผู้รับภาระส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา |
2.2 รายละเอียดค่าใช้จ่ายภายใต้วงเงินให้ความช่วยเหลือ
รายการ | จำนวนเงิน (บาท) |
(1) ค่าก่อสร้าง | 1,676,000,000 |
(1.1) งานก่อสร้างภายใต้วงเงินกู้ | 1,584,937,000 |
(1.2) งานก่อสร้างภายใต้วงเงินให้เปล่า - งานปรับปรุงเส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว - งานสร้างจุดพักรถ - งานปรับปรุงด่านนาเพ้า |
91,063,000 44,212,000 6,454,000 40,397,000 |
(2) ค่าที่ปรึกษา | 51,000,000 |
(3) ค่าบริหารจัดการ | 20,000,000 |
(4) ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด | 84,000,000 |
(5) ค่าธรรมเนียมบริหารของ สพพ. | 2,747,000 |
รวมทั้งสิ้น | 1,833,747,000 |
ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการ R12 แล้ว สพพ. จะดำเนินการพิจารณาและกลั่นกรองโครงการเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อบรรลุโครงการดังกล่าวตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลาง 5 ปี ต่อไป
3. จากการศึกษาพบว่า เส้นทาง R12 จะสนับสนุนนโยบายการเชื่อมโยงคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศไทย สปป. ลาว เวียดนาม และจีน รวมทั้งสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศภายใต้อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย โดยสามารถประหยัดเวลาการขนส่งและพิธีการทางศุลกากรระหว่างประเทศได้ (Transit & Customs time) จากจุดเริ่มต้น (Origin) และจุดหมาย (Destination) เดียวกันจาก 10 ชั่วโมง เหลือ 4 ชั่วโมง เนื่องจากลดขั้นตอนการผ่านด่านศุลกากรจาก 5 จุด เหลือ 2 จุด และช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการค้าการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศทั้งภาคการผลิตและบริการที่สำคัญ รวมถึงส่งเสริมให้มีการเดินทางและติดต่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประเพณีระหว่างกันส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการดำรงชีวิตได้อย่างรวดเร็วปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเส้นทาง R12 เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นทางหมายเลข 8 (R8) และเส้นทางหมายเลข 9 (R9) ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC)
และคาดว่า มีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนการใช้เส้นทางจากเส้นทาง R9 มาใช้เส้นทางโครงการ R12 ประมาณร้อยละ 50 ซึ่งจะส่งผลให้โครงการ R12 สามารถเพิ่มมูลค่าการค้าชายชายแดนระหว่างไทย - สปป. ลาว ผ่านด่านศุลกากรนครพนมได้มากขึ้น