Authority & Harm
แม่พาลูกสาววัย17ปีร้องทนายรณณรงค์ ถูกพ่อแท้ๆแอบถ่ายในห้องน้ำ
นครราชสีมา-จากกรณี ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้โพสต์ facebook ส่วนตัว ว่าตำรวจโคราชเป็นอะไรมากป่ะ น้องอายุ 17 ปี และหลาน 27 ปี โดนพ่อแท้ๆตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำไปแจ้งความบอกแค่ ถ่ายไม่มีความผิด ซึ่งมีการแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กันไปจำนวนมาก
ล่าสุดวันนี้ ศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บ้านหนองโน ม.3 ตำบลบึงสำโรง อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา พบเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ สภาพบ้านมีการล็อคกุญแจปิดตัวเงียบ ไม่พบบุคคลใดอยู่ภายในบ้าน จากการสังเกตพบว่าพบห้องน้ำ อยู่ข้างนอกตัวบ้าน
จากการพูดคุย นางหอมจันทร์ อสม เพื่อนบ้าน เล่าว่า หลังจากที่ทราบข่าวก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่หมู่บ้านตนเอง ว่าพ่อแท้ๆที่ชื่อสุรศักดิ์ มีชื่อเล่นว่าสอ ที่ได้เลิกรากับภรรยา ชื่อว่าน้ำ มาหลายปีแล้ว และมีลูกสาวชื่อแป้งอายุ 17 ปี ว่ามีพฤติกรรมตั้งกล้องแอบถ่ายลูกสาวของตนเอง และหลานสาว ภายในห้องน้ำ ซึ่งตนในฐานะลูกผู้หญิงก็มองว่าไม่ถูกต้องและกระทำไปเพื่ออะไร ซึ่งขณะนี้ที่บ้านหลังดังกล่าวก็ไม่มีคนอยู่บ้านไม่รู้ว่าไปไหน และทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการรับแจ้งความในเรื่องของอนาจาร ก็ยิ่งหมดความศรัทธา ในส่วนของอุปนิสัยของนายสอ เป็นคนเจ้าชู้ ปากหวาน หลังจากที่เลิกกับเมียคนเก่าก็มีเมียคนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงอยากให้เจ้าหน้าที่มีการดำเนินการให้เข็ดหลาบ จะได้ไม่มีการทำเป็นเยี่ยงอย่าง
พ.ต.อ.คมกฤษณ์ มณีใหญ่ ผกก.สภแก้งสนามนาง เปิดเผยว่า ต้นเรื่องคือทางเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบมีการเข้าจับกุมนายสุรศักดิ์ มีการเล่นการพนันสล็อต ในมือถือ จึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเล่นการพนัน หลังจากนั้นได้นำมือถือมาตรวจสอบ พบมีการตั้งกล้องแอบถ่ายผู้หญิง จำนวน 3 คนอยู่ภายในห้องน้ำ จึงได้ตามตัวบุคคลดังกล่าวและแจ้งให้ทราบ ก่อนที่ทางแม่จะพาลูกสาว วัย 17 ปีมาแจ้งความจับพ่อแท้ๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าน้องเป็นเยาวชน จะต้องมีสหวิชาชีพ มาร่วมสอบ เพื่อให้สำนวนในคดีรัดกุมมากยิ่งขึ้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คุณแม่เกิดความไม่เข้าใจ จึงมีการไปร้อง มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่าตำรวจไม่มีการรับแจ้งความ แท้ที่จริงแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ รับแจ้งความพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาอนาจาร อยู่แล้ว และจะมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เบื้องต้นยังไม่พบว่าพ่อคนดังกล่าวยังไม่มีการนำคลิปไปขายให้กับบุคคลอื่น หลังจากนี้หากรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้วจะต้องเรียกพ่อมารับทราบข้อกล่าวหา
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา