In News

ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จีนตอบรับแล้ว! ตั้งฐานผลิตในไทยมูลค่ากว่า3หมื่นล้าน



กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผยผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกจากจีนตอบรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนไทย คาดร่วมตั้งฐานการผลิตมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านในไทยภายในปี 2567ตอกย้ำแนวทางผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตแบบครบวงจร

วันนี้ (21 เมษายน 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลทำให้ไทยโดดเด่นในกระแสตลาดการค้าการลงทุนในภูมิภาค ไทยขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ EV และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยหนึ่งผลสำเร็จสำคัญเป็นผลจากการดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์เข้ามาลงทุนในประเทศและตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งจะช่วยเติมเต็มห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และต่อยอดไปยังการเลือกใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนยกระดับประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ผู้บริหารของบริษัทผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลกจากจีน 7 ราย ได้แก่ Contemporary Amperex Technology (CATL), บริษัท China Aviation Lithium Battery (CALB), Inpow Battery Technology (IBT), Eve Energy, Gotion High-tech, Sunwoda, และ SVOLT Energy Technology มองเห็นโอกาสในการเลือกไทยเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งทำให้ BOI คาดการณ์ว่า ในปี 2567 นี้ ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อย่างน้อยสองรายจากจีนจะเข้ามาลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในไทย ซึ่งจะมีมูลค่าเงินลงทุนในระยะแรกรวมกันเป็นจำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท ในขณะที่รายอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างกำลังเจรจาธุรกิจกับผู้ร่วมทุนฝั่งไทยและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาการตัดสินใจลงทุนในไทย

ทั้งนี้ จุดแข็งที่จะดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่สนใจลงทุนในไทย ได้แก่ สิทธิประโยชน์ของมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ซึ่งครอบคลุมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นภาษีจากเงินปันผล การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก และการสนับสนุนเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการลงทุน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ พื้นที่รองรับการลงทุน และบุคลากรไทยที่มีศักยภาพ ตลอดจนการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนในไทยที่ทำให้ความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานเพิ่มสูงขึ้น

“นายกรัฐมนตรี ขอบคุณ และชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มุ่งมั่นให้เกิดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในวิสัยทัศน์การยกระดับประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) ให้มาสร้างฐานการผลิตในไทย เพิ่มพลวัตห่วงโซ่การผลิตในประเทศไทย ทำให้ไทยมุ่งสู่การเป็น Hub การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม” นายชัย กล่าว