In Thailand

นักวิชาการชื่อดังเผยรัฐฯเศรษฐาสอบตก 7เดือนไร้ผลงานแก้ปัญหาปากท้องปชช.



ฉะเชิงเทรา-นักวิชาการแปดริ้วบอกรัฐบาลเศรษฐาสอบตก หลังผ่าน 7 เดือนไร้ผลงาน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องค่าครองชีพพุ่ง ทำ ปชช.เดือดร้อนหนัก มองการปรับ ครม. มีมือจากเชียงใหม่เป็นตัวแปร เชื่อผู้นำ รบ.ไม่มีอำนาจเปลี่ยนตัว รมต.อย่างแท้จริง 

วันที่ 20 เม.ย.67 ผศ.นพพร ขุนค้า อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มรภ.ราชภัฏราชนครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงผลงานของรัฐบาลในห้วงระยะเวลากว่า 7 เดือนที่ผ่านมาว่า ให้รัฐบาลเศรษฐาสอบตก เพราะยังไม่มีผลงานที่จับต้องได้ จึงทำให้ประชาชนมีความคาดหวังต่อกระแสการปรับ ครม.ในครั้งนี้ว่า จะมาช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องได้ หลังจากสถานการณ์ระบาดของโควิค19 ที่ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจ 

ประชาชนจึงมีความคาดหวังในเรื่องของปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลังจากรัฐบาลได้ทำงานผ่านมาแล้วเป็นเวลา 7 เดือน ประชาชนยังไม่เห็นผลงานที่สามารถจับต้องได้เลย โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจทั้งที่เป็นจุดแข็งจุดเก่งของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ผลงานกลับยังสัมผัสไม่ได้ ทั้งที่ ปชช.นั้นอยากเห็นรัฐบาลทำงานในด้านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความเดือดร้อนหลักของ ปชช.ส่วนใหญ่ และเป็นความคาดหวังจากรัฐบาลชุดนี้

หากมีการปรับ ครม.จึงมีความคาดหวังว่าจะได้เห็นผู้มีความรู้ความสามารถได้เข้ามาทำงานจริงๆ แต่การปรับ ครม.ในครั้งนี้เท่าที่ทราบมาจากกระแสนั้น เชื่อว่ายังไม่ตอบโจทย์ เพราะเป็นการจัดสรรเก้าอี้ตามโควต้าตามมุ้งอยู่ ซึ่งหลักการทำงานนั้นต้องวางคนให้ตรงกับความรู้ความสามารถ ตามที่ถนัด แต่จากกระแสข่าวที่มีออกมานั้น ยังเป็นเรื่องของการสลับผู้มีอำนาจเพื่อโยกคนนั้นไปใส่ตรงนี้ จึงทำให้โผของว่าที่รัฐมนตรีคนใหม่และคนที่จะถูกโยกย้ายนั้น ยังไม่ตรงกับความรู้ความสามารถในกระทรวงที่ได้เข้าไปนั่ง 

โดยเป็นเพียงแค่การเข้าไปด้วยเหตุผลทางการเมืองภายในเสียมากกว่า ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา อย่าว่าแต่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่พอใจในผลงานเลย ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังมองว่ายังสอบตกด้วย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของปากท้องและเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กำลังสัมผัสกันอยู่ ทั้งค่าครองชีพของ ปชช.ที่ยังคงพุ่งไม่หยุด แบบไม่มีการลดลงมาเลย น้ำมันก็ขึ้น ทำให้ค่าครองชีพอย่างอื่นขึ้นตามไปด้วย แม้จะพยายามเข้าใจว่าน้ำมันนั้นเราจะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศก็ตาม

หนี้สินครัวเรือนก็ยังสูง ทั้งในระบบและนอกระบบ ทำให้ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา อย่าว่าแต่นายเศรษฐาที่ไม่พอใจเลย ภาพรวมของ ปชช. ก็ยังมองว่ารัฐบาลทำงานสอบตก โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้อง ในระหว่างนี้รัฐบาลจึงต้องแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ ทั้งในเรื่องปากท้องของคนไทยและวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังมองว่าในอนาคตนั้นยังไม่พื้นตัว จะยิ่งทำให้ลำบากมากขึ้น ประชาชนได้รับผลกระทบมากขึ้น จึงขอย้ำว่า 7 เดือนที่ผ่านมานั้น คนส่วนใหญ่ให้คะแนนรัฐบาลชุดนี้สอบไม่ผ่าน

สำหรับการปรับ ครม.ในครั้งนี้ ต้องขอพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ว่าคอทางการเมืองเขาทราบกันดีว่าศูนย์กลางทางการเมืองนั้นอยู่ที่ใคร ต้องพูดกันไปตามความเป็นจริงว่าอยู่ที่เชียงใหม่ จากการที่เราได้เห็นภาพ หากถามว่า รมต.หลายคนไปสวัสดีอวยพรคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงทำให้มองดูแล้วว่าคนที่มีอำนาจโดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทยเองนั้น ว่าใครเป็นผู้ที่มีอำนาจในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีตัวจริง ส่วนนายกเศรษฐานั้น คอการเมืองก็มองไปว่าจะมีอำนาจในการจัดสรรรัฐมนตรีได้เองหรือไม่ แต่สังคมเค้ามองออกว่าศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองที่แท้จริงแล้วนั้นอยู่ที่ไหน

ขณะในพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เช่น พรรค รวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ นั้น เป็นเรื่องภายในของพรรคมากกว่า ที่ต้องตกลงกันเองว่าให้ควรได้ที่นั่ง ใครควรได้โควต้า จึงไม่น่าจะมีปัญหาหรือผลกระทบอะไรมากนัก จึงเชื่อว่าศูนย์กลางอำนาจของคณะรัฐมนตรีและรัฐบาลเศรษฐานั้นอยู่ที่เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง หากได้ติดตามข่าวมานั้นก็คงรู้ว่าคือใคร

จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลว่าการปรับ ครม.นั้นขอให้ทำโดยนึกถึงผลประโยชน์ของ ปขช.จริงๆอย่างที่พวกท่านเคยพูดไว้ ว่าจะปรับเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และขอให้เร่งการทำงานเพื่อให้ ปชช.เห็นภาพรัฐบาลที่มีผลงานจริงๆ โดยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องปากท้องเรื่องเศรษฐกิจไปให้ได้ก่อน รวมทั้งการปฏิรูประบบราชการที่ต้องให้เห็นภาพออกมา โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในระบบราชการนั้นต้องตั้งใจทำ นอกจากนี้ยังต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยตามที่ ปชช.คาดหวังไว้ 

ขณะที่พรรคเพื่อไทยนั้นมีต้นทุนที่ต้องจ่าย คือ การที่ต้องให้เห็นผลงาน หากผลงานจับต้องไม่ได้นั้น พรรคเพื่อไทยจะเหนื่อยในการเลือกตั้งสมัยต่อไป ซึ่งการปรับ ครม.ในครั้งนี้จึงมีความแน่นอนว่าจะมีมือจากเชียงใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยที่ไม่ได้มองไปในทางให้ร้ายต่อพรรคเพื่อไทยเลย แต่มีพฤตินัยที่ว่ารัฐมนตรีหลายคนนั้น ได้ไปซูฮกกลับใคร จึงอยากจะถามว่าคนอยากจะเป็นรัฐมนตรีนั้นจะไปหาคุณเศรษฐา หรือคุณทักษิณ อยากชวนให้คิดอย่างนี้ ซึ่งคนทั้งหมดนั้นคงตอบได้ว่าควรไปหาใคร วันนี้เราต้องมองการเมืองด้วยความเป็นจริง ผศ.นพพร กล่าว

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา