Authority & Harm
เงินหายแม่ผัว-สะไภ้ยังวุ่น!3แสนล่องหน อดีตสะไภ้ท้าให้ตรวจสอบ/ขอเป็นธรรม
นครราชสีมา-อดีตลูกสะใภ้วอนขอความเป็นธรรมไม่ได้เอาเงิน 3 แสนแม่ยายไป พร้อมให้ตำรวจตรวจสอบ ด้านตำรวจประสานเอาข้อมูลกับธนาคารพร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ
จากกรณี นางแช่มช้อย ชมกลาง อายุ 58 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป พร้อมด้วย นางสาวณัฐสุดา ชมกลาง อายุ 36 ปี ลูกสาวและลูกเขย ชาวอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้ถือเอกสารใบแจ้งความ สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย และเอกสารการทำบัญชีย้อนหลัง ซึ่งพบว่าเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย 290,000 บาท ได้หายเกือบหมดบัญชี เหลือให้ดูต่างหน้าเพียง 16.69 บาท ร้องสื่อมวลชน
ล่าสุด น้องมุ้ย อดีตสะใภ้ อายุ 24 ปี เล่าว่า เมื่อปีที่แล้ว ได้พาแม่ย่าไปกดเงินจำนวน 20,000 บาท เพื่อมาจ่ายค่าวัว หลังจากนั้นได้นำเงินและบัตรเครดิตมอบให้แม่ยาย ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรอีกเลย และก็ไม่เคยจดรหัสอะไรทั้งสิ้น ตนก็ทำงานตามปกติ เงินเดือนที่ได้ก็ เอามาใช้จ่ายส่วนตัว ตามปกติ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เอาเงิน ของแม่ยายไปแน่นอน และก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาปรักปรำตนเอง ซึ่งก็พร้อมแล้วจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เส้นทางทางการเงิน นอกจากนี้ลูกวัย 3 ขวบก็ถูกกีดกัน ไม่ให้ตนเองเลี้ยงดู โดยตนก็คิดถึงลูกอยู่ตลอดเวลา และเมื่อปีที่แล้วก็ทะเลาะกับอดีตแฟนประจำ จนกระทั่งเลิกลา เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ต่อมาอดีตแฟนก็มีแฟนใหม่ ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่เคยเจอกันอีกเลย ซึ่งตนก็สงสัยคนหนึ่งเหมือนกันแต่ไม่อยากพูด ปล่อยให้ตำรวจสืบหาข่าวเอาเอง และขอความเป็นธรรมกลับคืน
ด้าน พ.ต.ท.ธีระศักดิ์ คงยิ่งเรืองสิน รองผกก.สืบสวน.สภ.สีคิ้ว เผยว่า หลังจากที่ทราบข่าว ได้มีการเรียกผู้เสียหาย มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับจำนวนเงินดังกล่าวที่หายไปรวมไปถึงบุคคลที่เคยพาไปกดเงินทั้งหมด ทราบว่ามี 2 คนประกอบไปด้วยลูกสาวและลูกสะใภ้ โดยพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวมีการถูกกดออกครั้งละ 10,000-20,000 บาท เป็นจำนวนหลายครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานกับทางธนาคาร เพื่อที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ที่มีร่องรอยการไปกดตามจุดต่างๆในอำเภอสีคิ้ว แต่ติดปัญหาตรงที่ผู้เสียหายรู้ตัวช้าไปซึ่งกล้องวงจรปิดก็มีระยะเวลาในการบันทึก แต่ก็ไม่ใช่เป็นอุปสรรคของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็มีวิธีการสืบหาข่าว หรือตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ โดยจะต้องเรียกตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด มาสอบปากคำอย่างละเอียด จึงบอกว่าน่าจะเป็นคนในครอบครัว ที่จะนำเงินดังกล่าวไป
นอกจากนี้ ได้พยายามติดต่อพูดคุยกับทางธนาคาร แต่ก็ได้การปฏิเสธ เนื่องจากว่าต้องการที่จะให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า เพราะเกรงกลัวว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา