Authority & Harm

แม่ค้าขายส่งทุเรียนร้องโดนอดีตตำรวจ ตั้งบ.ทิพย์ตุ๋นสูญเงินนับ10ล้านคดีไม่คืบ



ชุมพร-แม่ค้าทุเรียนถูกแก๊งต้มตุ๋น มีอดีตตำรวจจังหวัดระยอง พร้อมเมียและพรรคพวกร่วมกันทำเป็นกระบวนการ ตั้งบริษัททิพย์ หลอกซื้อทุเรียน ผลไม้ตามฤดูกาล โดยมีเหยื่อหลายรายในหลายท้อง มีมูลค่าความเสียหายรวมนับ 10 ล้าน หลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไว้นานหลายเดือนแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า แก๊งต้มตุ๋นกลุ่มนี้ยังคงลอยหน้าหลอกเหยื่อได้อีกอย่างต่อเนื่อง จึงต้องร้องเรียนสื่อเพื่อให้ช่วยเหลือและแจ้งเตือนประชาชนอย่าไปหลงเชื่อแก๊งนี้อีก 

โดยเมื่อวันที่ 27 เมษายน 67 นางสาวศรีนภา ธาตุมี หรือเจ้ไก่ อายุ 39 ปี  ผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนในตลาดอวยชัย หมู่ 4 ตำบลวงตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่าตนและผู้ประกอบการอีกนับ 10 คน มีทั้งในพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ถูกแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ฉ้อโกงเงิน โดยมี นายสารัช อายุ 26 ปี และนางสาวเบ็ญจพร อายุ 27 ปี สองผัวเมีย อยู่ในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง อ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทรับซื้อผลไม้ตามฤดูกาล และพวกอีกหลายคนทำงานกันเป็นทีมเป็นกระบวนการ มาติดต่อรับซื้อทุเรียนจากตน ครั้งที่ 1 วันที่ 12 ตุลาคม 66 จำนวน 2,200 กิโลกรัม เป็นเงิน 304,000 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 14 ตุลาคม 2566 จำนวน 2,000 กิโลกรัม เป็นเงิน 330,400 บาท ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ตุลาคม 2566 จำนวน 1615 กิโลกรัม เป็นเงิน 272,250 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 910,650 บาทโดยมีนานสารัช อายุ 26 ปี เป็นผู้ติดต่อซื้อ การซื้อในงวดแรกนายสารัชจะจ่ายเงินดีและตรงตามที่ตกลงกัน แต่มางวดที่ 2 และที่ 3 เริ่มมีปัญหา จ่ายไม่ตรงตามข้อตกลงและก็ทยอยจ่ายเพียงเล็กน้อย จนสุดท้ายก็ไม่อีกจ่ายอีกเลย เมื่อทวงถามก็จะมีคนรับสายโยนกันเป็นทอดๆอ้างโน่นนี่นั่น เหมือนทำกันเป็นขบวนการ

 “เจ้ไก่” กล่าวว่านายสารัชเดิมเป็นตำรวจสังกัด สภ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ตราด ปัจจุบันได้ลาออกจากราชการแล้ว เนื่องจากถูกร้องเรียนเรื่องมีพฤติกรรมฉ้อโกง ปัจจุบันยังค้างไม่จ่ายหนี้ค่าทุเรียนตนอีกจำนวน 372,250 บาท ได้มีการแจ้งความคดีอาญาฐานฉ้อโกงไว้แล้วที่ สภ.หลังสวน จ.ชุมพร แต่ทุกวันนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า ที่เจ็บปวดมากก็คือแก๊งนี้ยังไปต้มตุ๋นหลอกลวงผู้ประการอีกหลายรายตามจังหวัดต่างทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ตอนนี้ผู้เสียหายรวมกลุ่มกันได้แล้วเกือบ 10 คน ที่ถูกแก๊งอดีตตำรวจนี้ฉ้อโกง ตอนนี้กำลังปรึกษากันว่าจะต้องรวมตัวกันนำหลักฐานไปร้องทุกข์ต่อตำรวจสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตำรวจกองปราบ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมให้เร่งดำเนินคดีกับแก๊งต้มตุ๋นกลุ่มนี้ เพราะหากปล่อยไว้ยังจะมีผู้เสียหายถูกหลอกถูกฉ้อโกงมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ด้าน “ครูเบียร์” ผู้เสียหายอยู่ที่ จ.น่าน ได้วิดีโอคอลกับผู้สื่อข่าวเล่าถึงพฤติกรรมฉ้อโกงของแก๊งอดีตตำรวจกลุ่มนี้ว่า ทุกวันนี้ตนเป็นทุกข์มากต้องจ่ายหนี้ที่ไปซื้อขิงสดจากเกษตรกรมาส่งให้กับแก๊งต้มตุ๋นพวกนี้ แม้จะขายทรัพย์สินไปบางส่วนแล้วแต่ก็ยังไม่พอใช้หนี้ ได้แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจนานหลายเดือนแล้วแต่คดีก็ไม่คืบหน้า ตนโดนฉ้อโกงหลอกซื้อขิงสดจำนวน 14 รถบรรทุก 6 ล้อ ซึ่งแก๊งนี้ได้จ่ายเงินให้ตนเพียง 5 คัน จำนวน 9 แสนกว่าบาท ส่วนอีก 9 คัน จำนวนกว่า 1 ล้านบาท ไม่ยอมจ่ายให้ 

ครูเบียร์” เล่าต่อว่ากรณีของตนเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 สำหรับตนมี นางสาวเบ็ญจพร ผู้เป็นเมียนายสารัช ได้มากับพวกจำนวน 7 คน อ้างเป็นเจ้าของบริษัทเข้ามาติดต่อซื้อขิงสด การพูดจาดี มีหลักฐานน่าเชื่อถือ พฤติกรรมของแก๊งนี้งวดแรกๆ จะจ่ายเงินตีตามตกลงกัน พอเที่ยวหลังๆสั่งซื้อจำนวนมากขึ้น แล้วก็ใช้เล่เหลี่ยมฉ้อโกง ไม่จ่ายเงิน แล้วก็ปิดการสื่อสารทุกช่องทาง เมื่อตนตามไปยังบริษัทในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ที่แก๊งนี้ปักหมุดไว้ให้ ก็ไม่ปรากฎว่ามีบริษัทดังกล่าวจริงตามที่กล่าวอ้าง จนปัจจุบันตนต้องขายทรัพย์สินที่ดินเพื่อนำเงินไปจ่ายให้กับเกษตรกรที่ปลูกขิงขายให้กับตน ที่นำไปขายต่อให้กับแก๊งนี้ แม้จะไปแจ้งความเป็นคดีอาญาฐานฉ้อโกงนานแล้ว แต่แก๊งนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ยังมีพฤติกรรมหลอกหาเหยื่อไปเรื่อย ๆ มีผู้เสียหายหน้าใหม่อีกจำนวนมาก.