In News

ชี้'วราวุธ'ร่างปฏิญญาฯในประชุมCPD57 เสริมแกร่งไทยขจัดยากจน-สังคมผู้สูงวัย



กรุงเทพฯ-“รัดเกล้า” เผย รัฐบาลใส่เกียร์เดินหน้า ร่วมมือต่างประเทศ “วราวุธ” ร่างปฏิญญาฯ ในประชุม CPD57 เสริมความแกร่งให้ไทยรับมือความท้าทายและวิกฤตการณ์ต่าง ๆ รวมถึง การขจัดความยากจน และสังคมสูงวัย

วันนี้ (3 พฤษภาคม 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาทิ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุประชากร ความยากจน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่โลกกำลังเผชิญ ทำให้เกิดความเปราะบางและความเหลื่อมล้ำ จึงได้เดินหน้ากระชับความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อร่วมกันขจัดความยากจน ยกระดับการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการวางแผนครอบครัว โดยสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมในลักษณะบูรณาการ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สหประชาชาติได้จัดการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 (Commission on Population and Developement หรือ CPD57) ระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2567 - 3 พฤษภาคม 2567 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมา โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ซึ่งการประชุม CPD57 ได้มีการรับรองร่างปฏิญญาคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ การประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยประชากรและการพัฒนา และเสริมสร้างความร่วมมือระดับโลก ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ความร่วมมือเหนือ - ใต้  ใต้ - ใต้ และความร่วมมือไตรภาคี เพื่อจัดการกับความท้าทายดังกล่าว

โดย ร่างปฏิญญาฯ มีความสอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศทุกระดับในการบูรณาการความเชื่อมโยงระหว่างประชากรกับการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อบรรลุการขจัดความยากจน การเพิ่มอายุคาดเฉลี่ย การลดการเสียชีวิตของเด็กและมารดา การปรับปรุงการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน และบริการด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรับมือกับวิกฤตด้านประชากร และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใน ค.ศ. 2030

“การรับรองร่างปฏิญญาฯ ดังกล่าวถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการร่วมผลักดันการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ที่ไทยประเทศไทยและประเทศสมาชิกสหประชาชาติร่วมลงนามรับรอง เพื่อร่วมกันบรรลุการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายในปี ค.ศ. 2030” รองโฆษกฯ รัดเกล้าฯ กล่าว