In News

ภารกิจนายกฯทัวร์นกขมิ้นที่เมืองกาญจน์ บินดูด่านเจดีสามองค์เข้มเข้าเมือง-ยาบ้า



กาญจนบุรี-นายกฯ กราบสรีระสังขารหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม หารือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ขับเคลื่อน Soft Power ตามนโยบายรัฐบาล สร้างรายได้ในพื้นที่อย่างยั่งยืน หลังจากได้ตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าชายแดน ด่านพระเจดีย์สามองค์ ย้ำต้องเข้มงวดเรื่องยาเสพติดเป็นพิเศษ ตรวจค้น เอ็กซเรย์อย่างเด็ดขาดและนายกฯได้ตอบคำถามสื่อมวลชนใน“ประเด็นข้าว 10 ปี" ต้องมีการพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ขณะที่ปัญหาชายแดนเมียนมา พร้อมรับมือทุกด้าน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (11 พ.ค. 67) เวลา 15.30 น. ณ วัดวังก์วิเวการาม (หลวงพ่ออุตตมะ) ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ากราบสักการะสรีระสังขารพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) อดีตเจ้าอาวาสวัดวัดวังก์วิเวการาม โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะด้วย

โอกาสนี้ นายกฯ ได้กราบนมัสการพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.9. เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม และเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเจ้าอาวาสได้ฝากนายกฯ ให้ช่วยสนับสนุนพระพุทธศาสนาให้กับเยาวชนและชุมชน โดยเฉพาะการให้ความรู้กับเด็กในช่วงเวลาว่าง โดยนายกฯ รับทราบและพร้อมที่จะนำไปขยายผลปฏิบัติต่อไป 

จากนั้น นายกฯ เดินทางต่อไปที่สะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) เพื่อหารือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อนายกฯ เดินทางมาถึงสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) ได้ทักทายประชาชน และประแป้งทานาคาเป็นรูปหัวใจ หนึ่งในเสน่ห์ของการมาสะพานมอญ  พร้อมชิมกาแฟโบราณกับขนมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ และร่วมรับชมการแสดงระบำกะเหรี่ยง จากนั้น นายกฯ และคณะได้เดินชมทัศนียภาพและความสวยงามที่บริเวณสะพานมอญ โดยนายกฯ ได้จูงมือเด็กหญิงชาวมอญชมความสวยงามยามเย็นด้วย  

“การเดินทางมาสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ของนายกฯ ครั้งนี้เป็นสิ่งที่นายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประเพณีและด้านศาสนา หนึ่งใน  Soft Power สำคัญตามนโยบายรัฐบาล ในการนำศักยภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวให้มากขึ้นเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน รวมทั้งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ และยังจะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่มีอยู่ดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกฯ ตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าชายแดน ด่านพระเจดีย์สามองค์ 

 เวลา 15.00 น. ณ จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าชายแดน โดยมีนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมการตรวจเยี่ยม

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานปริมาณการค้านำเข้า-ส่งออกด่านพรมแดนพระเจดีย์สามองค์ การจัดเก็บรายได้ ปริมาณรถบรรทุกที่ใช้ในการขนส่งสินค้า ปี พ.ศ. 2567 และ 2566 โดยนายกฯ ได้สอบถามถึงสินค้าที่มีการนำเข้า-ส่งออกที่มีปริมาณมากที่สุด รวมถึงสอบถามเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามข้อสั่งการเกี่ยวกับสินค้าเถื่อน 

“นายกฯ ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติงานให้ดี พร้อมกับเน้นย้ำต้องเข้มงวดเรื่องยาเสพติดเป็นพิเศษ ตรวจค้น เอ็กซเรย์อย่างเด็ดขาด สำหรับเรื่องการขาดแคลนเครื่องมือเอ็กซเรย์จะดำเนินการจัดหาให้ โดยต้องพิจารณาจากความพร้อมของพื้นที่ก่อน” นายชัย กล่าว  

จากนั้น นายกฯ เดินทางไปยังวัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสักการะหลวงพ่ออุตตมะ ต่อไป

นายกฯ ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน ด่านศุลกากร แรงงานข้ามชาติ หารือการพัฒนา จ.กาญจนบุรี 

เวลา 13.00 น. ณ กองพลทหารราบที่ 9 อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประชุมหารือประเด็นปัญหาและการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี (ประเด็นสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน ด่านศุลกากร และแรงงานข้ามชาติ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เข้าร่วมด้วย 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 และข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดกาญจนบุรี จากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และสรุปสถานการณ์ด้านชายแดน การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด มาตรการควบคุมยางพาราในพื้นที่จากกองกำลังสุรสีห์

โอกาสนี้ นายกฯ ได้มอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติ โดยกล่าวถึงการเดินทางมาจังหวัดกาญจนบุรีว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อมาติดตามแนวทางการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี โดยขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจบุรี ที่ได้มีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาที่ดินทำกินเอกสารสิทธิ 2481 ซึ่งมีดำเนินการมีความคืบหน้าไปมาก ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลก็ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อเนื่อง และมีงานที่ต้องทำต่ออีกมาก ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณในการดำเนินการเรื่องนี้ที่มีความคืบหน้ามาโดยตลอด รวมทั้งขอบคุณกองทัพที่มีการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการดำเนินการเรื่องของที่ดินทำกินให้กับประชาชน โดยการกันพื้นที่ที่อาจยังไม่ใช้ประโยชน์ของกองทัพมาแบ่งให้ประชาชนทำมาหากินได้ และหวังว่าจะไม่หยุดแค่นี้ รวมถึงการดูแลเรื่องภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนการขุดลอกคูคลองต่าง ๆ ก็ขอให้ทำอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายกฯ กล่าวชื่นชมการดำเนินการด้านการพัฒนาท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี สิ่งสำคัญคือการที่จะทำอย่างไรให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวในจังหวัดกาญจนบุรีให้มากขึ้น จึงฝากให้ทำตรงนี้ให้มากขึ้น ซึ่งส่งผลประโยขน์ต่อประชาชนทั้งต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ และด้านการท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ นอกจากนี้ การพัฒนาด้านการคมนาคมก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ทำให้เกิดการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ มาจังหวัดกาญจนบุรีดีขึ้น รวมทั้งระบบคมนาคมที่ดียังจะส่งผลดีต่อการค้าขายชายแดนได้ด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า นายกฯ กล่าวถึงเรื่องการทำเกษตรกรรมว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ว่าเป็นการปลูกข้าว และพืชใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง เช่น ทุเรียน ซึ่งขณะนี้จังหวัดกาญจนบุรีเริ่มมีการปลูกมากขึ้น และส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ ย้ำว่าขอให้ปลูกในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันนายกฯ ย้ำว่าการบริหารจัดการน้ำก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีนั้นเชื่อว่าไม่มีเรื่องของการขาดแคลนน้ำ เพราะมีเขื่อน 3 เขื่อน แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการให้ดีโดยเฉพาะการจัดท่อส่งให้เพียงพอ ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดการเรื่องน้ำให้ดี โดยใช้เทคโนโลยีสมัย และบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งฝ่ายความมั่นคง GISTDA ศึกษาแนวทางการบริหารจัดการด้วยทรัพยากรที่มีให้เต็มประสิทธิภาพ โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา ก็ได้ไปติดตามโครงการต่าง ๆ ทั้งการทำแก้มลิงสำหรับกักเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในอดีตให้หมดไป จึงขอเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วก่อนฤดูน้ำจะมาถึง

ส่วนกรณีสถานการณ์การค้าชายแดนนั้น นายกฯ ย้ำว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยขอขอบคุณกำลังพล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ช่วยกันทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก ทั้งเรื่องของการลักลอบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย มาตรการควบคุมยางพาราในพื้นที่ การลักลอบนำเข้ายาเสพติด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การที่เราสามารถป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบยางพาราเถื่อนตามแนวชายแดนเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ทำให้ส่งผลดีต่อราคายางในประเทศดีขึ้น จึงขอขอบคุณทองทัพ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร ที่ทำงานกันอย่างใกล้ชิด

นายกฯ กล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างจริงจัง ทำให้สามารถจับกุมได้มากกว่าปีก่อน ๆ ถึง 3-4 เท่า แต่ supply ก็ยังเข้ามาอยู่มาก จึงฝากให้ สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ หน่วยงานการปกครอง ช่วยกันทำหน้าที่อย่างหนักขึ้น ให้เป็นไปตามที่เราได้ประกาศให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ให้การแก้ปัญหายาเสพติดมีผลเป็นรูปธรรมใน 90 วัน เพื่อให้ยาเสพติดหมดไป จัดการผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อยให้ราบคาบ และบำบัดลูกหลานที่ติดยาให้สำเร็จไปด้วยกัน พร้อมย้ำ ไม่ว่าจะเป็นครึ่งเม็ดหรือหนึ่งเม็ด ถ้าเป็นผู้ขายจับทันที แต่หากเป็นผู้เสพและมอบตัวก็จะเป็นผู้ป่วย นำไปสู่การบำบัดรักษาต่อไป

ในตอนท้าย นายกฯ ย้ำถึงเรื่องการค้าขายชายแดนที่มีการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ดีต่าง ๆ รองรับ ทั้งรถไฟทางคู่ หรือรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถร่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าได้เร็วขึ้น ซึ่งตรงนี้รัฐบาลให้ความสำคัญโดยขับเคลื่อนนโยบาย National Single Window  ให้เป็น One Stop Service อย่างแท้จริง โดยให้หน่วยงานกรมศุลกากรนำร่อง และขอความร่วมมือทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เกิดผลสำเร็จภายในเดือนกันยายนนี้ สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการพื้นฐานไปพร้อมกัน

นายกฯ ชี้ แจง “ประเด็นข้าว 10 ปี" 

เวลา 14.00 น. ณ กองพลทหารราบที่ 9 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนประเด็นข้าว 10 ปี โดยสื่อมวลชนถามนายกฯ ว่า ตามหลักแล้ว 3 ปี จะตีเป็นข้าวเน่า นั้น  นายกฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ต้องไปดูการเก็บกรรมวิธีหลาย ๆ อย่าง ถ้าเกิดเก็บไม่ดี ไม่ถึง 3 ปี ก็แย่ได้ เอาเป็นว่าการพิสูจน์ทราบเรื่องดังกล่าว จะต้องพิสูจน์ทราบด้วยทางวิทยาศาสตร์

สำหรับประเด็นปัญหาการสู้รบในเมียนมา นายกฯ กล่าวว่า ภายในประเทศเมียนมายังมีการสู้รบกันอยู่ ได้มีการสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของการปิดพรมแดน และแนวทางป้องกัน ไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคง มีทั้งเรื่องสินค้าเถื่อน ยาเสพติด จึงต้องมีการเพิ่มกำลังพลเข้าไป รวมทั้งเพิ่มจุดรองรับคนต่าง ๆ และใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะใช้โดรน เพื่อเป็นเครื่อง X-ray ตรวจจับสินค้าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ จะต้องดูเรื่องการอนุมัติงบประมาณเพื่อดูแลเรื่องดังกล่าวด้วย