In News

เปิดแล้ว!งานSUBCON Thailand2024 นายกฯหวังดึงบริษัทเวิลด์คลาสลงทุนไทย



กรุงเทพฯ-นายกฯเผยงาน“ SUBCON Thailand 2024” ดึง บ.เวิลด์คลาส ลงทุนในไทย แนะผู้ประกอบให้ความสำคัญใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตและประกอบในไทย หลังจากเปิดงาน SUBCON Thailand 2024 ยืนยันประเทศไทยเปิดสำหรับการลงทุน รัฐบาลเปิดการช่วยผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่นของคนไทย ทุกครั้งที่เชิญชวนการลงทุนเสนอการใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตไทย ให้ชิ้นส่วนของไทยเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ​และได้แสดงความเสียใจ “บุ้ง ทะลุวัง” เสียชีวิต ระบุไม่มีใครอยากให้สูญเสีย ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

วันนี้ (15 พฤษภาคม 2567) เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดงาน SUBCON Thailand 2024 ว่า ดีใจที่งานนี้ จัดมา 17 ปีแล้ว เป็นการนำนักอุตสาหกรรมของไทยและต่างประเทศมาพบและทำธุรกิจ และสิ่งที่ตอกย้ำคือมีบริษัทระดับเวิลด์คลาส มาตั้งโรงงานการผลิตที่ไทย ดังนั้น การใช้ชิ้นส่วนที่ประกอบและผลิตในเมืองไทย เป็นเรื่องที่ทุกบริษัทควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยจากการพูดคุยกับผู้บริหาร ได้ขอให้หารือกับผู้ประกอบการนักลงทุนในเรื่องนี้คือให้ใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ผลิตขึ้นในไทยและประกอบที่ไทยเช่นกัน

นายกฯ เปิดงาน SUBCON Thailand 2024 

เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม Grand Hall 202 - 203 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน SUBCON Thailand 2024  จัดระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2567 โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 18  ภายใต้แนวคิด “The Global Sourcing Excellence”  ชูศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อและรับช่วงการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยรวบรวมผู้ผลิตและผู้ซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศไว้ในงานเดียว เป็นจุดนัดพบสำคัญสำหรับการจัดซื้อชิ้นส่วนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เครื่องมือแพทย์ การซ่อมบำรุงอากาศยาน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นต้น โดยมีประธานผู้แทนการค้าไทย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เอกอัครราชทูต ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนและร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมการรับช่วงการผลิตไทยให้มีความเข้มแข็งและเกิดการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมที่สำคัญทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่มีความผันผวนทั้งปัจจัยจาก Geo-politics สงครามรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นต้น แต่ด้วยการดำเนินนโยบายความเป็นกลางด้าน Geo-politics ของประเทศไทยตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลนี้ ในจุดยืนความเป็นกลางด้านการเมืองที่เราไม่เป็นคู่ขัดแย้ง แต่เป็นผู้สนับสนุนการให้มีความสงบในทุก ๆ ภูมิภาคซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับคนไทยทุกคน และจุดยืนของไทยที่มีความเป็นกลางด้าน Geo-politics สามารถส่งผลเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย และเป็นจุดแข็งของการค้า การลงทุนในการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ โดยรัฐบาลได้เดินหน้าดึงดูดการลงทุนซึ่งมองหาความเป็นกลางนี้ โดยยืนยันนโยบายรัฐบาลประเทศไทยไม่ลำเอียงไปหาชาติใดชาติหนึ่ง มุ่งการค้าขายอย่างเดียวกับทุกประเทศ และยึดมั่นความสงบสุข เพื่อทำให้ขบวนการผลิตไม่สะดุดและเดินต่อไป

นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวว่า ไทยยังมีจุดแข็งเรื่องของพลังงานสะอาดที่สามารถดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในไทยได้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องจริงจัง และขอความร่วมมือบริษัทขนาดใหญ่ต่าง ๆ ในการดำเนินการและสนับสนุนเรื่อง Supply Chain อุตสาหกรรมนี้ด้วย  รวมไปถึงรัฐบาลได้เดินหน้าขยายเรื่อง FTA  กับประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งศรีลังกา ตะวันออกกลาง ยุโรป อังกฤษ ฯลฯ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิตไทย สามารถส่งออกสินค้าไปจำหน่ายได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งไทยยังมีศักยภาพในด้านต่าง ๆ ในการดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทย ทั้งเรื่องด้านการแพทย์ การมี International school ที่ดี Health care system ที่ World class  รวมถึงการที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องความสะดวกในการทำธุรกิจ (Ease of Doing business) ที่จะมีการแก้ไขและพัฒนาต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Single Window และ One stop service ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวของรัฐบาลเป็นปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและเชื่อใจในการที่จะมาลงทุนในประเทศไทยได้มากขึ้น

นายกฯ ย้ำถึงการเดินทางไปเยือนต่างประเทศในการดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในไทยว่า คณะผู้แทนไทยทุกคนคำนึงถึง Supply Chain ทั้งหมดของประชาชนไทยและภาคอุตสาหกรรมไทยที่จะต้องมาอยู่ในห่วงโซ่ทั้งหมดของอุตสาหกรรมผลิต โดยนโยบายของรัฐบาลได้มีการตั้งเงื่อนไขให้ต้องมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ รวมถึงการถ่ายทอดด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี และทักษะแรงงาน เพื่อที่เราจะไม่ถูก Left behind และทำให้การพัฒนา Value chain ของอุตสาหกรรมไทยก็จะถูกพัฒนาไปพร้อมด้วยกับการที่มีบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาลงทุนในไทย

นายกฯ กล่าวถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า ไทยเคยเป็น  Detroit of Asia มาก่อน โดยมีบริษัทใหญ่ ๆ ได้มาลงทุนในประเทศไทยทั้ง ฮอนด้า โตโยต้า อีซูซุ ที่มาลงทุนในประเทศไทย 50 -60 ปีแล้วและมีมูลค่าการลงทุนเป็นล้านล้านบาท ซึ่งประเทศไทยมาได้ไกลขนาดนี้ส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะอุตสาหกรรมยานยนต์และนักลงทุนจากญี่ปุ่นมาร่วมกันลงทุนตรงนี้ ไทยเองก็เป็นเจ้าบ้านในการให้การต้อนรับและสนับสนุนที่ดี และมี Supply Chain ที่แข็งแกร่ง ซึ่งตรงนี้ไทยก็ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไปรวมไปถึงอุตสาหกรรยานยนต์ของญี่ปุ่นด้วย โดยไทยก็มีการเจรจาและจะให้ Incentive อย่างต่อเนื่องในการที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรม EV ต่อไป ทั้งนี้การที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์ได้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมก็มีความสำคัญ โดยรัฐบาลได้มีการดำเนินโครงการต่าง ๆ ทั้ง ระบบราง สนามบิน ท่าเรือน้ำลึกปัจจุบันอยู่ในเฟส 3  โครงการ Landbridge โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะมาส่งเสริมการเป็น Supply Chain อุตสาหกรรมนี้และทำให้ประเทศไทยมีจุดยืนที่มั่นคงในเวทีการค้าโลกด้วย

นายกฯ ย้ำถึงนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ EV โดยนโยบาย 30@30 ผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งคณะกรรมการ EV กำหนดมาตรการส่งเสริมการใช้และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการ EV3.5 สำหรับรถยนต์ รถปิกอัพและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งรถบัส และรถบรรทุก เพื่อเพิ่มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคการขนส่ง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานและระบบนิเวศของอุตสาหกรรมที่ครบวงจร ขณะที่ BOI ส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ส่งผลให้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสูงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน โดยปัจจุบันผู้ผลิต EV ค่ายจีนก็ได้ตัดสินใจเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย และมีหลายเจ้าสร้างโรงงานใกล้จะเสร็จแล้ว 

นายกฯ กล่าวถึงนโยบายอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ว่า เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องและเป็นหนึ่งใน Ignite Thailand ที่จะต่อยอดไปสู่ Upstream และ Smart Electronic มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมา BOI ได้ปรับปรุงการส่งเสริมให้ครอบคลุมกิจการสนับสนุนที่สำคัญ ในห่วงโซ่อุปทานของ Printed Circuit Board (PCB) ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้เติบโตไปพร้อมกันด้วย ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และพร้อมสนับสนุน Supply Chain ทั้งหมด ซึ่ง  SUBCON THAILAND ถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับภาคอุตสาหกรรมไทย โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเวทีนี้ถือเป็นเวทีที่สำคัญในการที่จะพบปะระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อ หรือผู้ที่ให้ความสนใจในด้านนี้ ตลอดจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคนในการที่มีส่วนร่วมพัฒนาประเทศไทยต่อไป ยืนยันประเทศไทยเปิดแล้ว รัฐบาลนี้เปิดแล้วที่จะช่วยภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่น อุตสาหกรรมของคนไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเรื่องของ Supply Chain ทั้งหมดของประเทศไทยเพื่อให้มีการเจริญเติบโตควบคู่ประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว

ภายหลังพิธีเปิดงานฯ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และกิจกรรมภายในงาน ณ บริเวณหน้า Hall 103 ชั้น 1 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนาด้วย

สำหรับไฮไลท์ของการจัดงานในปีนี้ คือ กิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการชิ้นส่วนไทยและบริษัทรายใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 9,000 คู่ คาดว่าจะสร้างมูลค่าเชื่อมโยงกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษ “BOI Symposium: EV Supply Chain” ซึ่งจะมีบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งแผนการจัดซื้อและสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศอีกทั้งภายในงานยังมีการจัดแสดงอุตสาหกรรมสนับสนุนของไทยและภูมิภาคอาเซียน การจัดแสดงชิ้นส่วนของบริษัทผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศที่มีความต้องการจัดซื้อจัดหาจากผู้รับช่วงการผลิต (Buyers’ Village) การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ (Innovation Showcase) รวมถึงงานสัมมนาเสริมสร้างความรู้และโอกาสในการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ทั้งนี้ BOI Symposium: EV Supply Chain เป็นกิจกรรมสำคัญที่บีโอไอจะนำ 7 ค่ายรถยนต์ EV รายใหญ่ที่ลงทุนในไทยคือ BYD, MG, Great Wall Motor, Neta, Changan, GAC Aion และ Chery มานำเสนอทิศทางของอุตสาหกรรม EV รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ไทย ให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของกลุ่มอุตสาหกรรม EV พร้อมยกระดับให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกต่อไป

​นายกฯ เสียใจ “บุ้ง ทะลุวัง” เสียชีวิต ระบุไม่มีใครอยากให้สูญเสีย 

 นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเสียชีวิตของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวังว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ การสูญเสียเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัว ซึ่งตนเองมั่นใจว่า จะให้ความเป็นธรรม และสั่งการไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สืบสวนสอบสวนรายละเอียดของการเสียชีวิต โดยใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าเกิดอะไรขึ้น และวันนี้กรมราชทัณฑ์จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีมีเสียงเรียกร้องไปยัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่เคยออกมาเรียกร้องเยาวชนที่ต้องคดีทางการเมือง หรือควรได้รับสิทธิการประกันตัว จะมีแนวทางในการพูดคุยกับกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องนี้หรือไม่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐมนตรียุติธรรม ได้ยินเสียงเรียกร้องแล้ว คงจะนำไปพิจารณา และนำไปพูดคุยกันในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด พร้อมกับย้ำว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ส่วนที่มีการขุดนโยบายของพรรคเพื่อไทย เรื่องการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องโทษคดีการเมือง จะมีการพูดคุยในเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน