Health & Beauty

ชี้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังควรได้รับสารให้ครบถ้วน แนะวิตามินหลักที่ควรกินประจำวัน



กรุงเทพฯ-ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายไม่ให้เกิดความเจ็บป่วย ทั้งการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็เป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งสถาบันแบลคมอร์ส หน่วยงานพัฒนาภาพรวมด้านสุขภาพ พร้อมทั้งขับเคลื่อนงานวิจัย ให้ความรู้การใช้โภชนเภสัชภัณฑ์กับเภสัชกรและบุคลากรทางการแพทย์ เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้จึงได้จัดงานสัมมนา 1stCMEd Alumniช่วยส่งเสริมเภสัชกรที่มีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำผู้บริโภค เกี่ยวกับการเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้อย่างเหมาะสม

คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการประจำประเทศไทย เกาหลี เวียดนามและฝ่ายดำเนินการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แบลคมอร์สจำกัด กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดหลักสูตรCMEd (Complementary Medicine Education) เพื่อส่งเสริมให้เภสัชกรนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยหรือผู้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและมีประโยชน์มากในปัจจุบัน สำหรับการรักษาและดูแลสุขภาพโดยรวม

ดร.ภญ.อโนมา เจริญทรัพย์ ผู้จัดการด้านการศึกษา สถาบันแบลคมอร์ส กล่าวว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารครบถ้วน เพราะวิตามินบางชนิดช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานของยา เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะต้องควบคุมในเรื่องของน้ำตาล และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งสารอาหารที่ช่วยควบคุมน้ำตาลให้ดีขึ้น เช่นธาตุโครเมียมมีอยู่ในผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และธัญพืชการรับประทานอาหารให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นเรื่องยาก เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการมากมาย ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวก็ผลต่อสารอาหาร ดังนั้นการเลือกทานวิตามินรวมที่มีแร่ธาตุโครเมียมอยู่ด้วยจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการเสริมสารอาหารแมกนีเซียมจะช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน

ทั้งนี้ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องคำนึงถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหลอดเลือดและภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งวิตามินซีจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดสารอนุมูลอิสระและการอักเสบของหลอดเลือดส่วนน้ำมันปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3ช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงการเกิดหลอดเลือดอุดตันรวมถึงช่วยลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ที่สำคัญควรเสริมโพรไบโอติกส์เพราะการได้รับยาอย่างต่อเนื่องจะก่อให้เกิดการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย

รศ.ดร.ภก.ไชยวัฒน์ ไชยสุต อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงบทบาทของโพรไบโอติกส์กับสุขภาพจิตว่า ผนังลำไส้มีเส้นประสาทเชื่อมโยงจากสมองเรียกว่า วากัสเนิฟ หากระบบนี้ทำงานได้ดีมีการกระตุ้นอย่างเหมาะสมร่างกายจะเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย โพรไบโอติกส์นอกจากช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้แล้ว ยังสามารถกระตุ้นวากัสเนิฟได้การปรับสมดุลทางเดินอาหารในลำไส้ ยังช่วยให้ผนังลำไส้แข็งแรงลดอาการอักเสบที่สมองและร่างกายลดอารมณ์แปรปรวนแนะนำให้รับประทานโพรไบโอติกส์ขณะท้องว่างเพื่อให้จุลินทรีย์ไปเกาะตามผนังลำไส้ โดยผู้ใหญ่ควรได้รับ5 ถึง 25 พันล้านเซลล์ต่อวัน ส่วนเด็ก 1 ถึง 5พันล้านเซลล์ต่อวัน นอกจากนี้การทานวิตามินบีรวม แมกนีเซียม และสมุนไพรบางชนิด เช่น เซนต์จอห์นเวิร์ตโสมอินเดีย จะช่วยจัดการความเครียดอาการนอนไม่หลับได้เช่นกัน ทั้งนี้ควรมีการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เช่น การบริหารกล้ามเนื้อที่คอผ่านกระบวนการร้องเพลง สวดมนต์ ทำสมาธิ กลั้วคอ ใช้ความเย็นประคบบริเวณคอ ล้วนเป็นกลไกช่วยกระตุ้นระบบวากัสเนิฟ หากทำได้จะช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลจัดการความเครียด นำไปสู่สุขภาวะทางจิตใจที่สมดุลดีขึ้น

ภก.ณัฐที เทียนศิริผู้จัดการด้านการฝึกอบรมผลิตภัณฑ์บริษัทแบลคมอร์สจำกัดกล่าวว่า Good Health Change Everything สุขภาพดีเปลี่ยนได้ทุกอย่าง เริ่มต้นตั้งแต่การพักผ่อน ออกกำลังกายการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แต่ในสภาพสังคมปัจจุบัน การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนนั้นเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ในแต่ละวันร่างกายควรได้รับสารอาหารที่จำเป็นประกอบด้วยกรดไขมันดี หรือโอเมก้า 3ที่มีมากในอาหารประเภทปลา จะมีส่วนช่วยดูแลระบบประสาท สมอง ความจำ ควบคุมระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ต่างๆ รวมถึงช่วยลดภาวะการอับเสบในร่างกายได้อีกด้วย การรับประทานอาหารประเภทปลาให้ได้สารอาหารที่ดี อาจต้องมีการปรุงด้วยกรรมวิธีความร้อนต่ำ เช่นการเผาหรือนึ่งมากกว่าการทอดในน้ำมัน ควรทานปลาในปริมาณ 400-450 กรัมต่อครั้งสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่สามารถทำได้ จึงเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลาทดแทน

นอกจากนี้วิตามินซี เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ หากได้รับในปริมาณไม่เพียงพอก็ควรเลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยแต่ต้องตระหนักว่าวิตามินซีละลายได้ในน้ำ ควรดื่มน้ำ 1.5-2 ลิตรต่อวันสำหรับแร่ธาตุสังกะสีหรือZincก็สำคัญ เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันและระบบการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ปกติมากขึ้น สุดท้ายคือการเลือกรับประทานวิตามินบีแบบรวมหลายชนิดจะช่วยให้สมองทำงานได้ตามปกติเพิ่มความสดชื่นบรรเทาความอ่อนเพลีย ไม่ควรเลือกทานเพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่ง เพราะสารอาหารที่ได้รับจะทำงานประสานร่วมกันและได้รับประโยชน์ที่ดีซึ่งบริษัทแบลคมอร์สผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากประเทศออสเตรเลีย มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์สุขภาพของคนไทยมาอย่างยาวนาน

นอกจากการออกกำลังกาย พักผ่อนนอนหลับเพียงพอการรับสารอาหารที่ครบถ้วนเปรียบเหมือนจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มทำให้สุขภาพดี ร่างกายสามารถทำงานได้ปกติ จะทำให้ได้รับโอกาสมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน และอื่นๆในชีวิต