Authority & Harm

รองผบ.ตร.ลุยเองคดีฆ่าเผารถฝังดินกระบี่



กระบี่-รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่เร่งรัดคดีฆ่าเผารถฝังดิน ที่จ.กระบี่   พร้อมพูดคุยกับญาติ   ขณะที่ตำรวจอยู่ระรอศาลอนุมัติหมายจับรวม 3 คน 

จากกกรณีที่นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่เข้าแจ้งความที่สภ.ลำทับ  หลังผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อคือนายสุชาติ  ขาวล้วน  อายุ 54 ปี   หายตัวปริศนานานร่วม 1 สัปดาห์   ญาติพยายามช่วยกันโพสต์ในโซเชี่ยลให้ช่วยตามหา ก่อนแจ้งความเมื่อวันที่ 4พ.ค.64 แต่ยังไม่พบเบาะะแส  เบื้องต้นทราบว่า นายสุชาติออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ขับรถขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้าโคโรนา สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่  ทวงเงินจากนายสุริยา หรือบังฟิต ที่อยู่ในพื้นที่ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่  จำนวน3แสนบาท ก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่มีการนำเสนอข่าว ผ่านสื่อ ได้มีบุคคลลึกลับ แชทข้อความไปหาญาติ นายสุชาติ พร้อมระบุว่านายสุชาติถูกฆ่าตายฝังดิน ในสวนปาล์ม พร้อมกับรถแล้ว และให้ญาติเลิกติดตามมิฉะนั้นจะถูกฆ่ายกครัว จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ ได้พบรถเก๋งนายสุชาติถูกเผาฝังดินในพื้นที่สวนปาล์ม ใกล้กับบ้าน ของนายสุรียา หรือ บังฟิต  บ้านหนองแบก ม.1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ ก่อนที่จะไปพบศพถูกฝังในสวนยางพาราห่างจากจุดที่พบรถประมาณ 700 เมตร  โดยภาพศพน่าเปื่อย มีรอยถุกยิงด้วยอาวุธปืนที่ศีรษะ และราวนมซ้าย และมีร่องรอยราดน้ำยาฆ่ายางลงบนศพก่อนถูกฝังด้วย นอกจากนี้ห่างจากจุดพบศพประมาณ100 เมตรยังพบปลอกกระสุนขนาด9 มม.จำนวน2ปลอก ด้วย  ส่วนนปมสังหารน่าจะมาจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ตาย มีส่วนพัวพันกับยาเสพติด เเละเคยถูกจำคุกมาแล้ว 19 ปี และพ้นโทษมาได้ประมาณ 1 ปี เศษก่อนถูกสังหาร

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 14 พ.ค.64ทาง พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุบริเวณจุดฝังรถในสวนปาล์มน้ำมัน  ห่างจากบ้านของนายสุริยา เริงสมุทร หรือบังฟิต  อายุ 32 ปี ไปประมาณ 200 เมตร เพื่อดูสถานที่ฝังรถและจุดฝังศพ จากนั้นเดินทางไปยังสภ.อ่าวนาง เพื่อร่วมประชุมกับทีมสืบสวนและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.ต.ภิญโญ หวลกสินธิ์ ผบก.ภ.จว.กระบี่ และเจ้าหน้าที่ชุดต่างๆ ที่เข้าร่วมในการคลี่คลายคดี โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง 

ภายหลังการประชุมผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง  ทาง ที่ประชุมก็อนุญาตให้สื่อเข้าไปร่วมฟังการแถลงข่าว  เกี่ยวกับคดี โดย พล.ต.อ.ธีระสวัสดิ์  รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าของคดี ว่าขณะนี้ ได้มีการ ยื่นขออนุมัติหมายจับกุม  ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายสุชาติ  ส่วนจะมีจำนวนกี่คนนั้น ยังอยู่ระหว่างการ ดำเนินการของพนักงานสอบสวน  อย่างวันนี้ก็เชื่ออนุมัติมายจะได้อย่างน้อย2  คน  แต่จะออกเมื่อไหร่นั้นก็สุดแล้วแต่ศาลท่านจะพิจารณาส่วนประเด็นในการก่อเหตุนั้น ผลจากการสืบสวนสอบสวน นั้นเกี่ยวกับความขัดแย้ง เรื่องเงิน หนี้สินอะไรทำนองนี้  ส่วนที่มาของเงิน จะเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่นั้นก็จะต้องมีการสืบสวนกันต่อไป

รองผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในส่วน ของข้อความแชทลับ ที่ส่งมาให้ญาติผู้ตายนั้นยังไม่ได้นำเอามาใส่ในสำนวนการสอบสวน  ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระการตรวจสอบหาที่มา ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม คนร้ายที่ก่อเกตุหรือไม่  แต่เชื่อได้ว่ามีการวางแผนกันมาก่อนลงมือก่อเหตุ

ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวจากชุดสืบสวนในคดี  ได้ข้อมูลว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 5 คน มีความเกี่ยวข้องกับคดี เป็นพี่น้องกับนายสุริยาทั้งสิ้น รวมทั้งภรรยาด้วย ซึ่งขณะนี้กลุ่มที่หายไปคือ 3  คน เป็นพี่น้องกันซึ่งรวมถึงบังฟิตด้วย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรอศาลอนุมัติหมายจับ 3 พี่น้องที่คาดว่าร่วมกันก่อเหตุ  ส่วนพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายนั้นสันนิฐานว่า หลังจากนายสุชาติ ผู้ตาย ได้เดินทางมาที่บ้านของบังฟิตในวันเกิดเหตุ จากนั้นได้ถูกนำตัวไปยังสวนยางพาราจุดที่ถูกยิงเพื่อพูดคุยบางอย่างก่อนที่จะถูกยิง 2 นัด แล้วนำศพไปฝัง ส่วนรถยนต์เก๋งของนายสุชาติ บังฟิต ได้ไปว่าจ้างแบคโฮที่ทำงานล้มต้นยางพาราที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 200 เมตร โดยพยานบอกว่า ได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน 2 พันบาท เพื่อให้ขุดหลุมฝังวัว3 ตัว ให้ก่อนที่จะนำรถมาลงหลุมแล้วจุดไฟเผาก่อนกลบฝังกลบ...

ล่าสุดศาลกระบี่อนุมัติหมายจับบังฟิตและพวกแล้วโดยผู้ต้องหา 3 ราย โดยหลังจากพบว่าทั้ง 3 คนมีส่วนรู้เห็นการเสียชีวิตของนายสุชาติ ประกอบด้วย 1.นายสุริยา  เริงสมุทร  หรือบังฟิต อายุ 32 ปี 

 2.นายสุวิทย์  เริงสมุทร  อายุ 26 ปี น้องชาย และ 3.นายสุรชัย  เริงสมุทร  อาย 38 ปี  พี่ชาย   ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  กักขังหน่วงเหนี่ยว   ทำลายซ่อนเร้น  วางเพลิงทำให้เสียทรัพย์  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง พกพาอาวุธปืน  
 ซึ่ง จนท.ชุดสืบสวน คาดว่าทั้ง 3 คนได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ จ.กระบี่ไปแล้ว

ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง/กระบี่/รายงาน