In Global

บทวิเคราะห์ การบรรลุการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม-คาร์บอนต่ำ



บทวิเคราะห์ การบรรลุการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำจำเป็นต้องพึ่งกำลังการผลิตคุณภาพสูงมากขึ้น

ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถือเป็นความท้าทายที่ชาวโลกต้องเผชิญ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและบรรลุการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ จึงจำเป็นต้องอาศัยกำลังการผลิตคุณภาพสูงมากขึ้น 

ปัจจุบัน กำลังการผลิตพลังงานใหม่ทั่วโลกยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่แฝงอยู่ในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา

ขณะนี้ สหรัฐอเมริกาโฆษณาชวนเชื่อสิ่งที่เรียกว่า “กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนล้นเกิน” รวมถึงใช้มาตรการกีดกันทางการค้าต่อจีนด้วยข้ออ้างดังกล่าว การกระทำเช่นนี้ของสหรัฐอเมริกา ขัดขวางการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวของโลก และทำลายความพยายามร่วมกันของประชาคมโลกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำของทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศต่างๆ ในการบรรเทาวิกฤติพลังงานและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก

ในปี 2022 การส่งออกผลิตภัณฑ์พลังงานลมและแผงโซล่าร์เซลล์ของจีนได้ช่วยให้ประเทศอื่นๆ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงประมาณ 573 ล้านตัน

รายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตกำลังไฟฟ้าจากพลังงานลมและแผงโซลาร์เซลล์ทั่วโลกลดลงมากกว่าร้อยละ 60 และ 80 ตามลำดับ และโครงการนวัตกรรม การผลิต และวิศวกรรมของจีนมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อผลสำเร็จดังกล่าว

กำลังการผลิตสีเขียวของจีนได้ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศอื่นๆ ในประเทศคาซัคสถาน ทุ่งกังหันลมเชเล็ก (Shelek) ขนาด 60 เมกะวัตต์ ที่ลงทุนและสร้างโดยบริษัทจีน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 160,000 ตันต่อปี ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สถานีกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อัล ดาฟรา (Al Dhafra) ที่บริษัทจีนรับเหมาก่อสร้างสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับครัวเรือน 200,000 ครัวเรือน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ 2.4 ล้านตันต่อปี 

ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า สิ่งที่เรียกว่า “กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนล้นเกิน” นั้น ไม่เป็นความจริง 

ขณะนี้ ทั่วโลกยังจำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และเพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์พลังงานใหม่  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านอุณหภูมิที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีส และช่วยให้ประเทศต่างๆ ปฏิบัติตามพันธกรณีในการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับสูงสุดและบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน  

ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดโลก สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ความต้องการยานยนต์พลังงานใหม่ของทั่วโลกจะสูงถึง 45 ล้านคัน ภายในปี 2030

นายปีเตอร์ ซิจจาร์โต (Peter Szijjarto) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าฮังการีชี้ให้เห็นว่า กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ไม่เพียงแต่ไม่ได้ล้นเกิน แต่ยังขาดแคลนด้วยซ้ำ กำลังการผลิตสีเขียวของจีนไม่เป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอื่นๆ แต่จะส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมผ่านความร่วมมือที่กว้างขวางและการแข่งขันที่ดี

นายปีเตอร์ ฟิชเชอร์ (Peter Fischer) นักเศรษฐศาสตร์ชาวสวิสแสดงความคิดเห็นว่า ด้วยความช่วยเหลือของจีน ชาติตะวันตกจึงสามารถเข้าถึงแผงโซลาร์เซลล์และกังหันลมที่คุ้มค่า นอกจากนี้ ยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนยังสามารถช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป และทำให้ผู้บริโภคชาวยุโรปได้ประโยชน์ในที่สุด  

สหรัฐฯได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ในขณะเดียวกันก็กล่าวหาว่า กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนล้นเกิน นี่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันมาก  ข้อกล่าวหาเรื่อง “กำลังการผลิตของจีนล้นเกิน” นั้นเป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเท่านั้น ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การกระทำของสหรัฐอเมริกาดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลย อีกทั้งยังจะส่งผลกระทบทางลบต่อสหรัฐอเมริกาเองด้วย  

การใช้นโยบายกีดกันทางการค้าไม่เพียงแต่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียวของทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังขัดขวางการจัดสรรทรัพยากรสีเขียวของทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย  

จีนหวังว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องจะมีทัศนคติที่เปิดกว้าง ปฏิบัติตามหลักการเศรษฐกิจระบบตลาด และกฎระเบียบทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งจัดให้มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความยุติธรรม โปร่งใส เปิดกว้าง และไม่เลือกปฏิบัติสำหรับวิสาหกิจจีน