In Bangkok
กทม.จัดกีฬาสัมพันธ์รักษ์สุขภาพผู้สูงอายุ 'สูงวัยใจสปอร์ต2024'ชิง6ประเภทกีฬา
กรุงเทพฯ-(31 พ.ค. 67) เวลา 13.30 น. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานโครงการกีฬาสัมพันธ์รักษ์สุขภาพผู้สูงอายุ “สูงวัย ใจสปอร์ต 2024” โดยมี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร สมาชิกชมรมผู้สูงอายุสำนักการแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) ดินแดง
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (aging society) เมื่อประชากรสูงอายุเพิ่มมากขึ้น กรุงเทพมหานครในฐานะผู้รับผิดชอบการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชากรในกรุงเทพมหานคร จึงมีนโยบายให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ สร้างโอกาสให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม ตลอดจนทำให้ผู้สูงอายุมีศักยภาพสามารถพึ่งพาตนเอง ช่วยเหลือครอบครัวและสังคมได้ จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีความสุข เกิดความรู้สึก มีคุณค่าในตนเอง สำหรับการจัดกิจกรรมกีฬาสัมพันธ์ฯ เป็นการเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจให้แก่ผู้สูงอายุที่ดีประการหนึ่ง และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุทุกคนได้แสดงศักยภาพ พบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนทัศนคติ และประสบการณ์ด้านสุขภาพซึ่งกันและกัน เกิดเครือข่ายและความร่วมมือด้านสุขภาพ สามารถช่วยเหลือสังคมตามวาระต่างๆ รวมทั้งนำองค์ความรู้ ที่ได้มาพัฒนาชมรมผู้สูงอายุให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นต่อไป
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการแพทย์ จัดโครงการกีฬาสัมพันธ์รักษ์สุขภาพผู้สูงอายุ “สูงวัย ใจสปอร์ต 2024” เพื่อส่งเสริมสุขภาพทั้งกายใจ พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์หมุนเวียนเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม ในครั้งนี้โรงพยาบาลสิรินธรเป็นผู้รับผิดชอบหลัก สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม เป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ 11 แห่ง รวมทั้งสิ้น 722 คน ส่วนการแข่งขันกีฬาทั้งหมดจะมีด้วยกัน 6 ประเภท ประกอบด้วย 1.กีฬาเปตอง 2.ซัฟเฟิลบอร์ด 3.ปาเป้า 4.โยนห่วง 5.โบว์ลิ่งสนาม 6.เดินทน และการประกวดกองเชียร์
ในการนี้ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ได้มอบถ้วยรางวัลกีฬารวม ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุจากโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ จำนวน 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงพยาบาลสิรินธร