Authority & Harm
พิษรักแรงหึงแทงเมียดับถือขวดเหล้าเข้ามอบตัว
อุดรธานี- พิษรักแรงหึง!หนุ่มอุดรฯ ถือขวดเหล้าเข้ามอบตัว หลังก่อเหตุใช้มีดจ้วงแทงเมียดับอ้างโดนสวมเขา
วันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 15.45 น. ร.ต.อ.เจษฎากรณ์ กะพี้โสม รอง สว.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุ สามี ใช้อาวุธมีดแทงภรรยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในห้องนอน บริเวณบ้านเลขที่ 209 ม.7 บ.กิ่ว ต.นาพู่ อ.เพ็ญ ขณะนี้รถกู้ชีพ อบต.นาพู่ นำตัวส่งห้องฉุกเฉินช่วยเหลือชีวิที่ รพ.เพ็ญ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อภายหลัง คือ น.ส.อารีญา บุญมี หรือน้องแบม อายุ 20 ปี ถูกอาวุธมีดแทงบริเวณใต้ราวนมด้านซ้ายตัดขั้วหัวใจทะลุด้านหลัง
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายชัยวัฒน์ ซุยเสนา อายุ 26 ปี หรือแม็กกี้ สามี หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า MSX สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายหลบหนีไป จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ดิษฐวัฒน์ ภาวรสินพงค์ รอง ผกก.สภ.เพ็ญ นำกำลังตำรวจสืบสวน ตำรวจป้องกันและปราบปราม ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน รุดตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยมีญาติผู้ตาย ญาติผู้ก่อเหตุ และชาวบ้านมายืนมุงดูกันจำนวนมาก
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงคล้ายกับบ้านน็อกดาวน์ขนาดเล็ก อยู่บริเวณทางเข้าบ้านหลังใหญ่ สร้างอยู่ในเนื้อที่สวนมะพร้าวน้ำหอมราว 5-6 ไร่ ห่างจากหมู่บ้านราว 300 เมตร ตรวจสอบภายในห้องนอนมีร่องรอยการต่อสู้ และพบกองเลือดและมีดปลายแหลมสำหรับปลอกลูกตาล ยาวประมาณ 30 ซ.ม. อยู่บนที่นอน ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปมอบตัวกับ พ.ต.ต.พิเชษฐ์ ปักเคธาตุ สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ที่รงพักเมืองอุดรธานี เวลาประมาณ 15.30 น. ด้วยอาการเมา พูดจาเอะอะโวยวายไม่รู้เรื่อง และมีเหม็นกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง
ในมือถือขวดเหล้า โดยมีเหล้าเหลือประมาณครึ่งแบน พร้อมกับบอกว่าขอเข้ามอบตัว หลังจากใช้อาวุธมีดปลอกตาลแทงภรรยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในห้องนอนเรือนหอของตนเอง และยังไม่ทราบว่าภรรยาได้เสียชีวิตแล้ว ทื่ รพ.เพ็ญ โดยอ้างว่าถูกภรรยาสวมเขา หรือนอกใจตัวเอง จึงประสาน พ.ต.ท.ไพฑูรย์ โสนะโชติ สว.สส.สภ.เพ็ญ มาควบคุมตัวพร้อมรถจักรยานยนต์ และขวดเหล้า ไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.เพ็ญ เพื่อสอบปากคำดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
จากการสอบสวน นายพูลษีร ซุยเสนา อายุ 47 ปี เจ้าของบ้านและเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายคนโต ทำงานอยู่ที่โรงไฟฟ้าชีวะมวล ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี และมีนิสัยเป็นคนใจร้อน แต่ก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใครรวมถึงคนในครอบครัว หลังจากคบหาดูใจกับผู้ตายที่เป็นลูกสะใภ้มา 5 ปี และเพิ่งจัดงานแต่งไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ตนรักผู้ตายเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะไม่มีลูกสาว มีแต่ลูกชาย 2 คน หลังจากแต่งงานกันเสร็จ จึงให้ลูกชายคนโตมาอยู่ที่บ้านหลังเล็กที่ตนสร้างให้เป็นเรือนหอ ที่ผ่านมา ก็มีปากเสียงเรื่องหึงหวงเป็นประจำ ซึ่งเป็นธรรมดาผัวเมียใหม่ เพราะลูกชายรักเมียมาก
โดยในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเสร็จพิธีแต่งงานเสร็จ ลูกสะใภ้ขอให้ลูกชายเลิกกินเหล้า เพราะหากเวลาเมาเหล้าจะพูดจาไม่รู้เรื่อง เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ลูกชาย จึงได้นำดอกไม้มาขอขมาตนและภรรยา ว่าจะเลิกกินเหล้านับตั้งแต่วันนั้น เพื่อให้ภรรยาของเขาและพ่อแม่ จะได้สบายใจ ก่อนหวนกลับมากินเหล้าอีกในวันนี้ที่บ้านเพื่อนที่ บ้านดงสร้างควาย ต.นากว้าง อ.เมืองอุดรธานี ก่อนเกิดเหตุซึ่งลูกสะใภ้ทำงานอยู่ที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือกับน้องสาวของตนเองที่บ้านหมูม่น ต.หมูม่น อ.เมืองอุดรธานี และทราบข่าวว่าสามีนั่งกินเหล้าจนเมาที่บ้านเพื่อน ลูกสะใภ้ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามให้กลับบ้าน และลูกชายตนก็ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา ก่อนเกิดเหตุสลดขึ้น
ทุกครั้งที่มีปากเสียงกัน ตนก็ว่ากล่าวตักเตือนให้หยุดทะเลาะกัน และสั่งสอนลูกชายว่าอย่าคิดมากว่าภรรยาจะนอกใจ หรืออย่ามโนไปเอง เพราะตนเชื่อว่าลูกสะใภ้ไม่เป็นคนแบบนั้น และเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายตลอดระยะเวลาที่คบหากัน ซ้ำยังเป็นคนรู้จักความ เหมือนกับแม่บ้านแม่เรือนทั่วไป ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้าน ตนไปร่วมงานศพที่ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น หลังได้รับแจ้งเหตุทางโทรศัพท์จากภรรยา ก็รีบขับรถกลับมาบ้าน ส่วนภรรยาและลูกชายคนเล็กและลูกสะใภ้คนเล็กไปปลอกลูกตาลขายที่ จ.หนองคาย รู้สึกเสียใจมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และไม่มีลางบอกเหตุหรือฝันร้ายแต่อย่างใด คงต้องปล่อยให้รับกรรมที่ลูกชายก่อไว้ และให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมายบ้านเมือง”
นายเตวิทย์ ซุยเสนา อายุ 19 ปี น้องชายผู้ก่อเหตุ ให้การว่า พี่ชายตนเป็นคนใจร้อน และสัญญาว่าจะเลิกกินเหล้าหลังจากแต่งงานกับพี่สะใภ้ เพิ่งมากินเหล้าวันนี้ก็เกิดเรื่องขึ้น เพราะพี่ชายตนรักเมียมากและหึงพี่สะใภ้มากด้วย ที่ผ่านมาก็มีปากเสียงกันบ้าง พ่อกับแม่ก็ลงจากบ้านมาพูดว่ากล่าวสั่งสอน และไม่คิดว่าจะถึงขั้นทำร้ายกันจนเสียชีวิต และอีกสาเหตุตนเชื่อว่าพี่ชายผิดคำสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปที่วัด หลังจากขอขมากับพ่อแม่สัญญาว่าจะไม่กินเหล้าอีก จึงเกิดเหตุที่ทุกคนในครอบครัวแบบไม่คาดคิดมาก่อนเลย และรักพี่สะใภ้เหมือนกับพี่สาวแท้ๆด้วย เพราะเป็นคนดีเป็นแม่บ้านแม่เรือน เลิกงานมาก็ซื้อกับข้าวกลับมานั่งล้อมวงกินข้าวกันทุกเย็น
นางบุญแฝง เทพวงษา อายุ 53 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวของน้องสาวตน ที่เดินทางไปทำงานที่ กทม. และตนเลี้ยงหลานสาวมาตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากน้องสาวแยกทางกับสามี ทราบข่าวจากน้องสาว โทรศัพท์มาบอกว่าน้องแบม หลานสาวถูกสามีแทงหายใจรวยระรินอยู่ภายในห้องนอน และไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะตอนหลานสาวโทรไปบอกแม่ที่ กทม. ให้มาช่วยเหมือนกับจะขาดใจตายแล้ว ตนจึงรีบมาดูพบว่าเป็นเรื่องจริง และมีชาวบ้านยืนมุงดูกันจำนวนมาก จึงเดินเข้าไปดูพบเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.นาพู่ กำลังปั๊มหัวใจ และชีพจรเต้นอ่อนมาก ตนจึงบอกว่าไม่ต้องปั๊มแล้ว น้องแบม น่าจะเสียชีวิตแล้ว ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเพ็ญ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุตนไม่รู้ แต่ก็เห็นขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานด้วยกันทุกวัน
ก่อเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนฝันเป็นลางฝันเห็นย่าของหลานสาว เดินร้องไห้มาที่บ้านของตน มีเลือดอาบไปทั่วร่างกาย จึงถามไปว่าเป็นอะไร แต่ย่าของหลานสาวไม่ยอมพูดด้วย ตนเชื่อว่าเป็นฝันร้าย จึงไม่พูดให้ใครฟัง ก่อนไปพูดแก้เคล็ดที่ห้องน้ำหน้าส้วม ตามคำคนโบราณบอกไว้ว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี และออกจากบ้านไปทำงานหางตาด้านขวากระตุกหลายครั้ง ซึ่งคนโบราณบอกไว้ว่า “ซ้ายได้หัวเราะ ขวาได้ร้องไห้” กระทั่งบ่ายสามโมงกว่า น้องสาวโทรศัพท์มาบอกว่า น้องแบมถูกสามีใช้อาวุธมีดแทงบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้น้องแบม ฝันว่าฟันหลุดหลายครั้ง ตนก็บอกเข้าไปพูดแก้เคล็ดในห้องน้ำอีก และรู้สึกเสียใจมากพราะรักน้องแบมเหมือนลูกในไส้
พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบอาวุธมีดปลายแหลมที่สามีผู้ตายใช้ก่อเหตุ 1 ด้าม และมีคราบเลือดบนที่นอน หลังก่อเหตุสามีได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี และเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี จึงให้ตำรวจสืบสวน สภ.เพ็ญ ไปควบคุมคนร้ายมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องหึงหวง และมีปากเสียงทะเลาะกัน หลังจากแต่งงานกันมาเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางเราแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุ”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี