Authority & Harm
พ่อแม่น้องฝ้ายสาวเอ็นฯคาใจช๊อคตาย เชื่อถูกอัพยาเกินขยาด
นครปฐม-เผาน้องฝ้าย สาวเอ็นเตอรร์เทนเศร้า พ่อแม่ วอนสื่อช่วยติดตามคดีหลังลูกสาวไปรับงานชงเหล้าบ้านชาย 4 คน ที่บางปลาม้าสุพรรณ มีการให้อัพยาเค โดยมีอาการผิดปกติที่บ้านงานก่อนจะมานอนหมดลมหายใจที่ห้องพัก โดยเจ้าของบ้านยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหลังไปแจ้งควาวไว้แล้ว ด้านเพื่อนร่วมงานบอกไป 3 สาว 2 คนเสพยาเข้าไปแล้วตัวชาส่วนน้องฝ้าย น๊อคตั้งแต่ที่จัดงาน โดยอยากรู้ว่าสิ่งที่ให้เสพเข้าไปคือยาอะไร
วันนี้ 16 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ครอบครัวของ นางสาวกมลรัตน์ อุทัยอ่วม อายุ 25 ปี หรือฝ้าย ซึ่งได้เสียชีวิตหลังจากไปรับงานชงเหล้า ที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่งในเขตอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีการจัดพิธีฌาปนกิจศพโดยมีญาติและเพื่อนที่ทราบข่าวมาร่วมภายในงานโดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า ซึ่งทางบิดามารดา ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชนเพื่อให้ติดตามตรวจสอบสาเหตุการณ์เสียชีวิต เนื่องจากเชื่อว่ามีการถูกให้มีการเสพยาเสพติดจนเกินขนาด ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตดังกล่าว
นายศุภณัฐ อุทัยอ่วม อายุ 47 ปี 54/2 ม.4 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พ่อของน้องฝ่าย เล่าว่าเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 64 ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งเพื่อนของน้องฝ่ายได้โทรมาหาบอกว่าน้องฝ้ายนั้นช๊อคหมดสติและถูกนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้เดินทางไปดูและพบว่าหมดสติไม่รู้สึกตัว และได้สอบถามเพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันบอกว่า สาเหตุที่เกิดเรื่องดังกล่าว เรื่องจากช่วงกลางดึก ของคืนวันที่ 9 พ.ค. ลูกสาวพร้อมเพื่อนๆ รวม 3-4 คน ได้รับงานไปชงเหล้าที่บ้านแห่งหนึ่งใน พื้นที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยให้ไปชงเหล้าตั้งแต่เวลา 01.00-05.00 น. โดยเมื่อกลับมาที่ห้องเช้าที่อยู่กับเพื่อนๆ ช่วงเช้าก็ได้นอนพัก ก่อนที่เวลา 15.00 น. เห็นน้องฝ้าย อาการไม่ดีจึงประสานกันช่วยนำส่งโรงพยาบาล เพื่อมารับรักษาตัว โดยภายในงานมีการให้เสพยาเค ใส่หลอดให้สูดเข้าร่างกาย คาดว่าน่าจะช๊อคเพราะฤทธิ์ยา จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางปลาม้าแล้ว ซึ่งที่ออกมาเรียกร้องให้สื่อมวลชนได้เข้ามาติดตามเรื่องดังกล่าวเนื่องจาก ทางบ้านเจ้าของงานไม่รับผิดชอบและเหตุใดจึงต้องมีการนำยามาให้เสพซึ่งที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน จึงขอความเป็นธรรมให้กับคนตายด้วย
นางกัญญาพัทร เกษมวงษ์ (แม่) อยู่บ้านเลขที่ 395/11 ม.6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บอกว่านองฝ้ายนั้นอาศัยกับตนเองเองซึ่งมีลูกสาววัย 4 ขวบ 1 คน โดยปกติไม่ได้รับงานแบบนี้ แต่ว่าช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ดีและเขาต้องเป็นคนดูแลหลายคนในครอบครัว จึงได้ไปรับงานชงเหล้าซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่างานชงเหล้าจริงๆต้องทำอะไรบ้าง และไม่ทราบว่ามีการให้เสพยาด้วย โดยปกติลูกสาวของตนเองจะคุยกับตนเองทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้งานที่ทำน่าจะเป็นงานที่เขาไม่อยากบอกลายละเอียดกับเรา ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแบบนี้
นางกัญญา บอกออีกว่า ที่ผ่านมาคนที่จัดงานได้ติดต่อเข้ามาคุยกันแล้วตนเองได้บอกไปว่าจะมารับผิดชอบอย่างไรก็ให้มาคุยกันเพราะน้องฝ้ายก็ยังมีลูกสาวยังเล็กมาก แต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับมาซึ่งกลัวว่าเรื่องจะเงียบไปจึงได้ออกมาเรียกร้องต่อสื่อมวลชนให้มาช่วยติดตามประเด็นนี้ด้วย วันนี้เผาลูกสาว 14.00 น.ซึ่งทางคดีก็ต้องรอผลว่าน้องฝ้ายนั้นเสียชีวิตเพราะเรื่องอะไรและกลัวว่าฝั่งคนจัดงานจะมีอิทธิพลทำให้คดีเงียบ
ขณะที่ นางสาวอารีย์ แย้มตุ้ย อายุ 21 ปี เล่าว่าวันดังกล่าวได้ไปทำงาน โดยออกไปทำงานตั้งแต่ 5 ทุ่ม ซึ่งได้ดื่มเบียร์ไปด้วย 1 ลัง โดยมีการอัพยาและกลับมาที่ห้องพักและอุ้มพี่ฝ้ายไปนอน แต่ไม่พบความผิดปกติ ช่วงบ่าย 3 เพราะจะชวนไปกินข้าวแต่ปลุกไม่ตื่นและพบว่าไม่มีลมหายใจ ไปแล้วจึงได้พยายามปั๊มลมหายใจขึ้นมาแต่ก็ไม่รู้วิธีทำ ซึ่งภายในงานจะมีผู้ชาย 4 คน ส่วนทีมตนเองมี 3 คนที่ไปทำงานให้ซึ่งฝ้ายเป็นคนหางานนี้มาให้และไม่รู้จักชายทั้ง 3 คนมาก่อน ซึ่งตนเองทำงานก็รับงานแบบนี้มาแต่ว่าพยายามเซฟตัวเองมาตลอดซึ่งงานเอ็นเตอร์เทนนั้นก็คืองานชงเหล้าก็จะเลือกงานกับคนที่รู้จักหาเข้ามา ซึ่งที่ต้องออกไปเพราะต้องหาเงินเพราะขายของออนไลน์ไม่ค่อยได้ ซึ่งการไปครั้งนี้ 4 ชั่วโมงได้ค่าจ้างคนละ 1.5 พันบาท
ด้านนางสาววรรณิศา นรสิงห์ อายุ 31 ปี แม่ครัวร้านนารีสโมสร บอกว่า ตนเองได้ตามไปรับน้องๆที่ทำงานกลับบ้าน ซึ่งเมื่อ 6 โมงเช้าได้มาเจอพบว่าทั้ง 3 คน พบว่า 2 คนนั้นมีอาการชาทั้งตัวแต่มีฝ้ายที่หมดสติไป ซึ่งที่รู้กันคือฝ้ายเวลามาเมาจะหลับนิ่งไปเป็นเรื่องประจำ ซึ่งความผิดปกติคือช่วงที่มีปัญหาคือฝ้ายจะมีอาการผิดปกติ ซึ่งที่รู้เรื่องคือการไปรับกลับจากงานพบว่าฝ้ายมีอาการผิดปกติไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะถึงเส่ยชีวิต และโดยปกติเด็กเอ้นเตอร์เทน นั้นเขาจะเซฟตัวเองมาโดยตลอดว่าลิมิตควรมีแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่สงสัยคือเกิดอะไรขึ้นในงานและทำไมถึงเงียบไป ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก