Think In Truth

'วันสิ่งแวดล้อมโลก'กับแนวคิดย้ายเมือง หลวงของไทย โดย: ฟอนต์ สีดำ



วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) จัดขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี โดยได้รับการประกาศจากองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นวันที่มีความสำคัญในการเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและหาวิธีการแก้ไขเพื่อให้โลกของเรายังคงความสวยงามและน่าอยู่อย่างยั่งยืน

วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) กำหนดขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) ในปี 1972 ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน การประชุมว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ (United Nations Conference on the Human Environment) เป็นการประชุมครั้งแรกที่จัดขึ้นเพื่อเน้นความสำคัญของการปกป้องสิ่งแวดล้อมและเป็นที่มาของการกำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก วันแรกที่มีการเฉลิมฉลองคือปี 1974 ภายใต้หัวข้อ "Only One Earth" (มีโลกเพียงหนึ่งเดียว)

ในแต่ละปี วันสิ่งแวดล้อมโลกจะมีหัวข้อหลักที่แตกต่างกันไป เพื่อเน้นย้ำปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ต้องได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนั้น ตัวอย่างหัวข้อที่เคยถูกนำมาใช้ เช่น "เชื่อมโยงผู้คนกับธรรมชาติ" "การลดขยะพลาสติก" และ "การฟื้นฟูระบบนิเวศ" หัวข้อเหล่านี้มุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

ปัญหามลพิษที่มนุษย์ก่อขึ้นส่งผลกระทบต่อคนในสังคมในวงกว้าง ไม่ว่าปัญหาโลกร้อน อากาศเป็นพิษ เกิดมลพิษทางน้ำ ทางดิน จนก่อปัญหาถึงวิถีชีวิตของคนในสังคมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมีแนวคิดในการย้ายเมืองหลวง จากกรุงเทพมหานครไปอยู่ในต่างจังหวัด เพราะกรุงเทพมหานครจะเผชิญต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย ไม่ว่าอากาศ เสียง น้ำทิ้งจากแหล่งที่อยู่อาศัย ขยะล้นเมือง และที่สำคัญคือน้ำท่วม จากการหนุนของน้ำทะเลสูงขึ้น ที่เกิดจากภาวะโลกร้อน โดยมีการประเมินกันว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพมหานคร จนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ในปี ค.ศ. 2100 หรืออีก 75 ปีข้างหน้า  ซึ่งประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปัญหาด้านสิ่งแว้อมมากมาย และต้องย้ายเมืองไลวงไปตั้งที่จังหวัดเพชรบูรณ์ หรือไม่ก็จังหวัดนครนายก หรือไม่ก็จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือที่จังหวัดนครปฐม หากประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาการหนุนของน้ำทะเลขึ้นท่วมกรุงเทพมหานครได้

ในวันสิ่งแวดล้อมโลก จำเป็นต้องสร้างความตระหนักและจิตสำนึกที่มีต่อการดำรงรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความสมดุลในการสร้างความยั่งยืนในการอยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่มให้เพียงพอ ซึ่งนั่นคนในสังคมควรต้องทำกิจกรรมต่างๆ ให้คนในสังคมได้ตระหนักและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลทางธรรมชาติที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสรรพชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้อย่างยั่งยืน

กิจกรรมในวันสิ่งแวดล้อมโลกมักประกอบด้วยการจัดนิทรรศการ การปลูกต้นไม้ การทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ การจัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมเหล่านี้เพื่อให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมและตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ปัญหาสิ่งแวดล้อม

  1. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีผลต่อระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและการเกิดเหตุการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น เช่น พายุ ภัยแล้ง และน้ำท่วม
  2. มลพิษทางอากาศ: การปล่อยก๊าซพิษและฝุ่นละอองจากยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาขยะ ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์
  3. มลพิษทางน้ำ: การปล่อยสารเคมีและขยะลงสู่แม่น้ำและทะเล ทำให้แหล่งน้ำมีคุณภาพลดลง และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ
  4. การตัดไม้ทำลายป่า: การขยายตัวของพื้นที่การเกษตรและการอุตสาหกรรมทำให้พื้นที่ป่าลดลง ส่งผลให้สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่อาศัยและสูญพันธุ์
  5. ขยะพลาสติก: การใช้พลาสติกอย่างแพร่หลายและการจัดการขยะที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้มีขยะพลาสติกปนเปื้อนในทะเลและทำลายชีวิตสัตว์น้ำ

การดำเนินการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับต่างๆ

ระดับประเทศ

  1. นโยบายและกฎหมายสิ่งแวดล้อม:
    • ออกกฎหมายและข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษ การจัดการขยะ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
    • ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
  2. การส่งเสริมการศึกษาและการวิจัย:
    • สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    • ส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
  3. การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน:
    • ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
    • จัดทำแคมเปญสื่อสารมวลชนเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
  4. การร่วมมือระหว่างประเทศ:
    • ร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลพิษทางทะเล

ระดับเมือง

  1. การจัดการขยะ:
    • จัดตั้งระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ เช่น การแยกขยะ การรีไซเคิล และการกำจัดขยะอย่างปลอดภัย
    • ส่งเสริมโครงการลดขยะและการนำกลับมาใช้ใหม่
  2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว:
    • ส่งเสริมการสร้างและรักษาพื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะและพื้นที่เกษตรในเมือง
    • สนับสนุนการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ:
    • สนับสนุนการติดตั้งระบบพลังงานทดแทนในอาคารและบ้านเรือน
    • ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานในโครงสร้างพื้นฐานของเมือง
  4. การให้ความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน:
    • จัดทำโครงการให้ความรู้และการฝึกอบรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับประชาชน
    • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ระดับครอบครัว

  1. การจัดการขยะในบ้าน:
    • แยกขยะที่บ้านเพื่อรีไซเคิลและลดการใช้พลาสติก
    • นำขยะอินทรีย์มาทำปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในการเกษตรบ้าน
  2. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ:
    • ใช้น้ำและพลังงานอย่างประหยัด เช่น ปิดน้ำและไฟเมื่อไม่ใช้งาน
    • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง
  3. การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม:
    • ซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    • ลดการใช้พลาสติกและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
  4. การปลูกต้นไม้และสร้างพื้นที่สีเขียวในบ้าน:
    • ปลูกต้นไม้และพืชผักสวนครัวในพื้นที่บ้าน
    • สร้างสวนหลังบ้านหรือใช้พื้นที่บ้านให้เป็นประโยชน์ในทางสิ่งแวดล้อม

ระดับบุคคล

  1. การลดการใช้พลังงานและทรัพยากร:
    • ใช้พาหนะสาธารณะ การเดินเท้า หรือการขี่จักรยานแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว
    • ลดการใช้น้ำและพลังงานโดยการปิดเมื่อไม่ใช้งาน
  2. การลดและรีไซเคิลขยะ:
    • พกถุงผ้า ขวดน้ำ และภาชนะอาหารที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
    • แยกขยะที่บ้านและนำไปรีไซเคิลตามที่เหมาะสม
  3. การเลือกซื้อสินค้าอย่างรับผิดชอบ:
    • เลือกซื้อสินค้าออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตอย่างยั่งยืน
    • หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากเกินไป
  4. การให้ความรู้และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสิ่งแวดล้อม:
    • ศึกษาและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการแก้ไขปัญหา
    • ร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหรือเข้าร่วมกลุ่มที่ทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมในชุมชน

ความจำเป็นในการกำหนดวันสิ่งแวดล้อมโลก

  1. เพิ่มความตระหนักรู้: วันสิ่งแวดล้อมโลกช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนทั่วโลก การรับรู้ถึงปัญหาเป็นขั้นตอนแรกในการหาวิธีการแก้ไข
  2. กระตุ้นการมีส่วนร่วม: การกำหนดวันสิ่งแวดล้อมโลกช่วยกระตุ้นให้ผู้คนร่วมมือกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ การทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ หรือการรณรงค์ลดการใช้พลาสติก
  3. ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงนโยบาย: วันสิ่งแวดล้อมโลกเป็นโอกาสที่ดีในการเน้นย้ำความสำคัญของการกำหนดและปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
  4. สร้างแรงบันดาลใจ: การเฉลิมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลกสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
  5. เผยแพร่องค์ความรู้: วันสิ่งแวดล้อมโลกเป็นโอกาสในการเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

การเฉลิมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลกไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการลงมือทำเพื่อปกป้องโลกของเรา การร่วมมือกันของชุมชนทั่วโลกมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลาสติก การอนุรักษ์พลังงาน การลดมลพิษทางอากาศ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

วันสิ่งแวดล้อมโลกยังเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เรายังสามารถทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การลดการใช้พลังงาน การนำขยะไปรีไซเคิล การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก และการสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้สามารถมีผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม

วันสิ่งแวดล้อมโลกเป็นวันสำคัญที่ช่วยเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม การกำหนดวันนี้มีความจำเป็นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและมีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน

วันสิ่งแวดล้อมโลกยังเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เรายังสามารถทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การลดการใช้พลังงาน การนำขยะไปรีไซเคิล การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก และการสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้สามารถมีผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่สำคัญต่อการสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมนั้น ควรต้องส่งเสริมให้คนนั้นมีอาชีพที่ไม่ทำลายสิ่งแวล้อม ไม่ใช้ทรัพยากรจนขาดสมดุล อีกทั้งยังส่งเสริมอาชีพที่ก่อให้เกิดการสร้างสมดุลทางธรรมชาติที่ดี ที่จะก่อให้เกิดพื้นที่ป่าไม้มากขึ้น ก่อให้เกิดแหล่งต้นน้ำ เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการลดปริมาณคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่เป็นต้นตอของปัญหาโลกร้อยให้มากขึ้น พัฒนาเทคโนโลยีสะอาดที่ไม่ก่อมลพิษต่อชั้นบรรยากาศของโลก สร้างกรอบวัฒนธรรมในการปฏิบัติร่วมกันเพื่อการรักษาไว้ซึ่งความสมดุลทางธรรมชาติ สร้างคุณธรรมและจริยธรรมสากลที่ต้องร่วมกันปฏิบัติของคนทั้งโลก เพื่อสร้างโลกใบนี้ให้มีความเหมาะสมในการอาศัยอยู่อย่างสันติสุข