Biz news

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯปั้นหัตถศิลป์ถิ่นอีสาน



กรุงเทพฯ-น้ำพระทัย “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”จุดประกายสร้างแรงบันดาลใจ ยกระดับหัตถศิลป์ถิ่นอีสาน

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคงจุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน เข้าเฝ้าฯถวายรายงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและงานหัตถกรรมชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ วังศุโขทัย

สืบเนื่องจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาได้เสด็จไปทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ในงานสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตามโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญา OTOP ณ หอประชุมจามจุรีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เมื่อวันที่ 14 - 15 พฤศจิกายน 2563 โดยกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์นำกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ จำนวน42 ราย ใน 20 จังหวัดทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ กลุ่มชุมชนภูไทดำกลุ่มไหมสมเด็จ กลุ่มสตรีทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน จากจังหวัดกาฬสินธุ์ ,กลุ่มทอผ้าไหมแต้มหมี่บ้านหัวฝาย กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข จากจังหวัดขอนแก่น ,กลุ่มทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง จากจังหวัดชัยภูมิ , ฅญา บาติกฉัตรทองไหมไทย จากจังหวัดนครราชสีมารวมถึงผ้าย้อมครามธรรมชาติสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดสกลนครที่ปัจจุบันมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับเงิน และทอง จากจังหวัดสุรินทร์, อุบลราชธานีและงานจักสาน จากจังหวัดยโสธรร่วมจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในโครงการดังกล่าวทรงมีพระปฏิสันถารกับผู้ประกอบการ ที่เฝ้ารับเสด็จฯและมีพระวินิจฉัยแนะแนวทางการพัฒนากรรมวิธี คุณภาพ ลวดลาย
เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แก่ผู้ผลิตผู้ ประกอบการ OTOP จำนวน23 กลุ่ม ด้วยทรงเล็งเห็นถึงการอนุรักษ์หัตถศิลป์อันล้ำค่า

ที่สะท้อนถึงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาคควบคู่ไปกับการยกระดับสู่สากลเดิมในวันที่ 5 พฤษภาคม 2564พระองค์ทรงมีกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรและกลุ่มสมาชิกOTOP ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เคยพระราชทานคำแนะนำและแรงบันดาลใจอันเป็นดังการบ้านที่ท้าทายฝีมือไว้ให้แก่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOPเพื่อนำพาผลิตภัณฑ์ ไปยังทิศทางแห่งคุณภาพ และมาตรฐานแต่เนื่องจากปัญหาของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID – 19) ที่ยังคงแพร่กระจายในหลายพื้นที่จึงเลื่อนการเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าวออกไป ด้วยพระเมตตาทรงทอดพระเนตรเห็นถึงความตั้งใจจริงของทุกคน ทุกกลุ่มที่ได้ทำผลงานถวายผ่านกรมการพัฒนาชุมชนจึงโปรดให้นำผลงานที่ได้รับการพัฒนาตามพระวินิจฉัยมาให้ทรงตรวจและให้คำแนะนำ ณ พระตำหนัก วังศุโขทัย

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชนได้ถวายรายงานผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและงานหัตถกรรมชุมชนที่ได้รับการพัฒนาโดยน้อมนำตามพระวินิจฉัยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จำนวน 23 ชิ้นงาน จาก 16จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ

ผ้าไหมแพรวา กลุ่มชุมชนภูไทดำ จังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่งสมาชิกในกลุ่มได้รับสนองตามพระราชวินิจฉัย พัฒนาลวดลายเป็น“ลายช่อใหม่” และ “ลายเคอไต่ไม้” ต่อยอดจากแพรวาดั้งเดิมผ้าไหมบาติกเขียนมือ กลุ่มฅญาบาติก จังหวัดนครราชสีมาได้มีการต่อยอดประยุกต์เป็นผ้าไหมบาติกเขียนมือ “ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”เกิดจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เยาวชนให้ชุมชนได้ฝึกทักษะผ้าไหมพิมพ์ลายประยุกต์ ฉัตรทองไหมไทย จังหวัดนครราชสีมา มีการยกระดับพัฒนา ผลิตภัณฑ์ โดยน้อมนำลายผ้าพระราชทาน“ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ประยุกต์ลงบนผืนผ้าไหมจนได้รับการยอมรับ ชื่นชมถึงความแปลกใหม่และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากเดิมหลายเท่า

ผ้าหมักโคลนย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มทอผ้าบ้านสะง้อ จังหวัดบึงกาฬได้รับสนองตามพระราชวินิจฉัยปรับปรุงใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านภาพลักษณ์พัฒนาตราผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ด้านการจัดร้านให้มีรูปแบบเรื่องราวที่เข้ากับผลิตภัณฑ์จัดแสดงวัตถุดิบที่ใช้ในการย้อมเพื่อให้ผู้บริโภครู้จักความเป็นมาของผลิตภัณฑ์และด้านผลิตภัณฑ์ มีการเพิ่มเส้นใยธรรมชาติรวมถึงปรับการเดินเส้นตัดเย็บให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและขณะนี้อยู่ระหว่างการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดทางออนไลน์และเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นผ้าไหมมัดย้อมซ่อนมัดหมี่ กลุ่มผ้าครามเมืองพุท จังหวัดบุรีรัมย์ทรงมีพระวินิจฉัยว่าการวางเฉดสีแต่มีความเข้มส่งผลให้ลายมัดหมี่ที่เป็นลวดลายหลักบนผืนผ้าไม่คมชัด และขาดจุดเด่นทางกลุ่มจึงได้พัฒนาเลือกผ้ามัดหมี่ที่มีลวดลายคมชัดและมัดย้อมด้วยโทนสีที่มีความสว่าง และใช้เฉดสีที่ตัดกันกับผ้าลวดลายเดิมเพื่อให้ลวดลายเดิมคมชัดยิ่งขึ้น

ผ้าไหมมัดหมี่ประยุกต์ ลวดลายแฟชั่น กลุ่มผ้าตุ้มทอง จังหวัดบุรีรัมย์ทรงชื่นชมว่าสวยงามเป็นผลิตภัณฑ์แนวแฟชั่นและทรงให้คำแนะนำควรฟอกย้อมด้วยสีธรรมชาติทางกลุ่มจึงได้พัฒนาการย้อมสีด้วยเปลือกไม้ธรรมชาติ ได้แก่ ต้นประดู่และต้นไม้พื้นถิ่นอื่น ๆ ที่ให้สีติดทนนานยิ่งขึ้นผ้าไหมยกทอง กลุ่มเฮือนผ้าเฮือนแพร จังหวัดมหาสารคามทรงพระวินิจฉัยแนะให้ใช้เส้นเงิน/ทอง ที่นำเข้าจากประเทศอินเดียแทนเส้นเงิน/ทองที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีคุณภาพดีกว่า

ทางกลุ่มได้พัฒนาตามพระราชวินิจฉัย โดยทอมือด้วยไหมไทยพันธุ์พื้นบ้านย้อมด้วยสีธรรมชาติ และใช้เส้นเงิน/ทอง ที่นำเข้าจากประเทศอินเดียผ้าหมี่ขิดสะกิดล้วง ย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มฝ้ายแกมไหม จังหวัดอุดรธานีทรงพระวินิจฉัยแนะให้ใช้สีธรรมชาติในการย้อม ให้มีเฉดสีสันมากกว่าเดิมทางกลุ่มจึงได้สร้างสรรค์ลวดลายบนผืนผ้าใช้เส้นใยฝ้ายแกมไหมย้อมสีธรรมชาติโดยใช้ใบกระถินและขมิ้นเพิ่มความเข้มให้สีผ้าเข็มขัดเงิน กลุ่มดาเครื่องเงิน และตอกลาย โดยนางณัฎฐา ธนุนาจารย์จังหวัดสุรินทร์ ทรงพระวินิจฉัยให้ทำเข็มขัดที่สามารถเปลี่ยนได้หลายๆ หัวซึ่งนอกจากความงดงามแล้ว ยังเกิดความหลากหลายในการใช้งาน ทั้ง 2

กลุ่มได้ปรับปรุงพัฒนาผลิตพัฒนาเข็มขัดเงินให้สามารถแยกส่วนประกอบระหว่างหัวและสายเข็มขัด จึงเป็นการสร้างเอกลักษณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้อีกทางหนึ่งทั้งนี้ ผลงานที่ได้นำขึ้นถวายให้ทรงมีพระวินิจฉัย ในครั้งนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาทรงให้ความสนพระทัย ทอดพระเนตรโดยละเอียดทุกผลงานด้วยพระปรีชาญาณในด้านศิลปะ การออกแบบและเข้าพระทัยถึงทิศทางและความเป็นไปของวงการแฟชั่นทรงพระราชทานแนวทางการพัฒนาต่อยอดที่ครอบคลุมในทุกมิติทั้งด้านคุณภาพของสี โทนสี คุณภาพเส้นใย
และเทรนด์ที่จะสามารถโดดเด่นอยู่ในแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในอนาคตรวมถึงวัสดุที่เลือกใช้ ลวดลาย และเทคนิคการทอผ้าแบบต่างๆแก่ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์เพื่อนำไปอธิบายขยายผลสู่ทุกกลุ่มให้สามารถสร้างสรรค์คุณค่า คุณภาพและความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตามพระประสงค์ต่อไป

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานลายผ้า ชื่อลาย“ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”ตามพระดำริ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก”จากการเสด็จไปทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ด้านผ้าและงานหัตถกรรม 3 ภูมิภาคผ่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่และพระราชทานพระอนุญาตให้กลุ่มทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิคสามารถนำไปใช้ทอผ้า ผลิตผ้าเป็นต้นแบบและพัฒนาต่อยอดตามวิถีอัตลักษณ์ประจำถิ่นปลุกกระแสความนิยมในผ้าไทย

จนได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าทอมือของกลุ่มอาชีพภูมิปัญญาจากท้องถิ่น จากทั่วทุกภูมิภาค 76 จังหวัดมีการนำลายผ้า ไปต่อยอดจำนวน 1,042 กลุ่ม จำนวนสมาชิกกลุ่ม 10,168 คนก่อเกิดรายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เพิ่มยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ถึงกว่า39,544,290 บาท (ข้อมูล ณ เมษายน 2564)เพื่อสนองในพระกรุณาธิคุณและการต่อยอดการพัฒนาผ้าลายพระราชทาน กรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาและพัฒนาศักยภาพผ้าไทย

โดยร่วมบูรณาการกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทยขับเคลื่อนการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านผ้าไทย(Coaching) ให้กับกลุ่มช่างฝีมือ ช่างทอ ทั้ง 4 ภาคและการจัดการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้สืบทอดภูมิปัญญาผ้าไทยรวมทั้งสร้างศิลปินช่างทอผ้ารุ่นใหม่ โดยในระดับภาค

ผู้สนใจสามารถสมัครและส่งผลงานเข้าประกวดได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564เพื่อเข้าสู่กระบวนการประกวดระดับภาค ในพื้นที่ 4 ภูมิภาค ระหว่างวันที่ 7 – 26มิถุนายน 2564 สำหรับผลงานที่ได้รับการคัดเลือกในระดับภูมิภาคจะเข้าสู่การประกวดในระดับประเทศ ในระหว่างวันที่ 27 - 29 กรกฎาคม 2564โดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาเสด็จเป็นองค์ประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวดระดับประเทศ และทุก ๆผลงานที่ได้รับการรังสรรค์อย่างประณีตเหล่านี้ จะถูกนำจัดแสดงในนิทรรศการ"ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ" ในงาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOPก้าวไกลด้วยพระบารมี ณ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานีในเดือนสิงหาคมนี้ อีกด้วย เพื่อเป็นเกียรติประวัติแห่งความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจแก่ผู้ประกวดที่มีความมุ่งมั่นในการที่จะสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดินต่อไป

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการประกวดฯทางเว็บไซต์กรมการพัฒนาชุมชน www.cdd.go.th ทาง Facebook แฟนเพจ“กรมการพัฒนาชุมชน” และ Facebook แฟนเพจ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”หรือหมายเลข 02 -141- 6179 รวมถึงสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอทั่วประเทศ