Travel Sport & Soft Power
สายมูต้องไป!ไหว้หลวงพ่อแหวงวัดคึกคัก เผย'ก่อกองไฟถวายหน้ากุฏิไม่เคยดับ'
พังงา-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางรุ่งทิพ ว่องปฏิการ คิมูระ รองผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) พร้อมด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานพังงา จัดกิจกรรมโครงการ Internal Southern ofThailand EP: 2 นำคณะนำสื่อมวลชน /Blogger /Influencer เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยว ทดสอบเส้นทางและอัพเดทสินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อจัดทำคอนเทนต์ประชาสัมพันธ์กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวช่วง Green Season สำหรับกลุ่ม Expat โดยในวันนี้ได้พาคณะไปที่วัดคมมนียเขต หรือวัดคึกคัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่ภายในวัดมีกุฏิไม้หลังเล็กๆกะทัดรัดหลังหนึ่ง มีกลุ่มควันไฟลอยคลุ้งอยู่ตลอดทั้งวัน สร้างความสนใจและความสงสัยให้กับคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาทำบุญและติดต่อกับทางวัด ภายในกุฏิด้านหน้าเปิดโล่งมีรูปปั้นขาดองค์จริง และภาพวาดอยู่ในกรอบขนาดใหญ่ มีร่องรอยปิดทองคำเปลว ตั้งแต่บันได เก้าอี้ไม้ รูปปั้นและรูปถ่าย
โดยกุฏิหลังนี้อยู่ใกล้กับศาลาอนุสาวรีย์หลวงพ่อแหวง อาภากโร หรือ ท่อท่านแหวง อดีตเจ้าอาวาส พระอริยะสงฆ์ชื่อดังรูปหนึ่งในฝั่งอันดามัน ที่ว่ากันว่ามีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในเขตจังหวัดพังงา ภูเก็ต และใกล้เคียง ซึ่งหลวงพ่อแหวงได้มรณภาพในปี 2511 หลังจากนั้นลูกศิษย์ได้จัดสร้างกฏิหลังนี้ขึ้นพร้อมกับรูปหล่อขนาดเท่าตัวจริงไว้กราบไหว้บูชา โดยด้านหน้ากฏิจะมีกองไฟไม้ฟืนล้อมด้วยก้อนหินจุดรมทั้งวันไม่เคยดับจะมีคนมาคอยเติมไม้ฟืนใส่อยู่ตลอด ซึ่งตอนที่มีชีวิตหลวงพ่อจะผิงไฟ อาบไฟแทนน้ำ มาตลอดชีวิต ท่านจะสรงน้ำปีละครั้งในวันสงกรานต์เท่านั้น
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด เล่าว่าพ่อท่านแหวงมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองว่าปวดขารักษาแพทย์ปัจจุบันก็ไม่หาย คนแก่บอกว่าให้กราบไหว้หลวงพ่อและผิงไฟหน้ากุฏิแล้วจะหาย เมื่อมาทำตามที่บอกก็หายจริงๆ และแม่เคยเล่าว่า ชาวบ้านเคยมาหาหลวงพ่อที่กุฏิพบว่าท่านจำวัดตอนกลางวัน ถึงเวลาก็ไม่ตื่น ปลุกเรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น มาตื่นตอนเย็นแล้ว เมื่อลงมาจากกฏิก็ได้ถามว่าหลวงพ่อไปไหนมา หลวงพ่อตอบว่าไปเฝ้าสวนให้ชาวบ้านที่เขาบนบานหลวงพ่อว่าอย่าให้นกมากินข้าวที่ปลูกกำลังสุกอยู่ในสวนในไร่ จนเจ้าของเจ้าของสวนมาถึงหลวงพ่อก็กลับมา และมีเรื่องเล่าอีกว่าวันหนึ่งท่านกำลังเดินเท้าจากวัดคึกคักจะไปทำธุระที่ตลาดตะกั่วป่าที่อยู่ห่างไปประมาณ30กิโลเมตร มีรถโดยสารในหมู่บ้านอยู่1คัน กำลังจะไปตลาดตะกั่วป่า จอดรับนิมนต์ท่านขึ้นรถท่านบอกว่า จะเดินไปเอง เมื่อรถโดยสารไปถึงตลาดตะกั่วป่า พบว่าหลวงพ่อเดินอยู่ในตลาดอยู่แล้ว จนเป็นที่เล่าลือกันว่าท่านมีวิชาอาคมย่นระยะทางได้
หลวงพ่อแหวงเป็นเจ้าอาวาสวัดคึกคัก ตั้งแต่ปี 2484-2511 รวม 27 ปี โดยสังขารของท่านยังไม่เน่าเปื่อย ปัจจุบันยังบรรจุอยู่ในโลงแก้วในอนุสาวรีย์ เป็นที่สักการะบูชาเป็นเวลากว่า 55 ปี ขณะที่มีชีวิตอยู่พ่อท่านแหวง มีจริยาวัตรเป็นพระที่อยู่อย่างเรียบง่าย มีความเมตตาต่อทุกคน ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียว โดยในวันธรรมดาท่านจะฉันแค่ผลไม้
ส่วนวันพระ ท่านจะฉันข้าวเพียง 9 คำเท่านั้น ท่านปฏิบัติเป็นพระป่าเมื่อออกพรรษาทุกปี ท่านจะออกธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกธรรม และกลับวัดเมื่อถึงช่วงเข้าพรรษา ท่านได้เพียรบำเพ็ญบารมีธรรม ปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด อีกทั้งใฝ่ศึกษาวิชาไสยเวท ร่ำเรียนวิทยาคมทุกแขนงจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ท่านเป็นศิษย์ของ พระครูประสาทประกฤตพรต ( ซิ่น ธมฺมรกฺขิโต ) อดีตเจ้าอาวาสวัดคึกคัก องค์แรก เรียนวิชาสมุนไพรใบยา วิชามหาประสาน ไสยเวทย์มนตรา จนสำเร็จ ท่านพระครูประสาทประกฤตพรต ( ซิ่น ธมฺมรกฺขิโต ) จึงได้ฝากฝังให้ไปเรียน วิชากสิณไฟ ผงพระเจ้าโปรดโลก ผงพระสีวลี และผงมหาราชศรีวิชัย จาก พระอุปัชฌาย์เทือก มานะจาโร ผู้วิเศษอันลือเลื่องแห่ง วัดบ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา มงคลวัตถุของท่านในปัจจุบันเป็นของดี ล้ำค่าที่หายาก สืบเนื่องจากมีประสบการณ์อันโด่งดังมาช้านานหลายทศวรรษ