In News
นายกฯ แจ้งข้อสั่งการ/นโยบายก่อนครม. สัญจรโคราชใน4เรื่องรับน้ำท่วม-ฝนแล้ง
นครราชสีมา-นายกฯ แจ้งข้อสั่งการ/ให้นโยบาย ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 4/2567
วันนี้ (2 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แจ้งข้อสั่งการ/ให้นโยบาย ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
1) เรื่อง การปราบปรามยาเสพติด
นายกฯ เน้นย้ำว่า เรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนและสำคัญของรัฐบาล ซึ่งท่านได้ประชุมติดตามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสั่งการไปหลายครั้ง เพราะการแพร่ระบาดของยาเสพติดโดยเฉพาะในวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นปัญหาที่ทำลายกำลังสำคัญของชาติ โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ บูรณาการ ระดมความร่วมมือกับตำรวจ สำนักงาน ป.ป.ส. หน่วยงานรัฐต่าง ๆ ภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อดำเนินการ ดังนี้
1. ทำการ X-ray ทุกพื้นที่ ด้วยการระดมกำลังตรวจปัสสาวะกลุ่มเสี่ยงทุกคนที่ อายุ 16 ปี ขึ้นไป ในทุกหมู่บ้าน
2. แยกผู้เสพออกมารับการบำบัด และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม โดย สำนักงาน ป.ป.ส. และ ก.กลาโหม ขยายผลในการจับกุมผู้ขาย เพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ถือเป็นการตัด Supply side ออกจากระบบ
3. ให้ กระทรวงสาธารณสุข แยกแยะผู้เสพตามระดับความรุนแรงมาบำบัด รักษา และส่งคืนชุมชน เมื่อมีความพร้อม โดยให้ กระทรวงสาธารณสุข มหาดไทย และ กลาโหม ร่วมกันจัดหาสถานที่บำบัดให้เพียงพอ และให้แน่ใจว่าจะไม่กลับไปเสพยาอีก
4. การส่งตัวคืนชุมชน ต้องฝึกอาชีพ หางานให้ทำและมีรายได้เพียงพอกับการดำรงชีวิต ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และ กระทรวงแรงงาน ต้องเข้ามาช่วย เพื่อไม่ให้กลับไปเป็นผู้เสพอีก ซึ่งจะช่วยตัด Demand side
5. การป้องกันผู้เสพใหม่ ให้ กระทรวงศึกษาฯ และ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ เร่งหามาตรการที่เหมาะสมในการสอดส่องดูแลอย่าให้ลูกหลานเสพยา และขอให้ทางโรงเรียนร่วมกันในการปลูกฝังค่านิยมคุณค่าใหม่ “เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด”
6. ให้ สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นเสนาธิการ ในการกำหนดเป้าหมายและ KPIs ที่ท้าทาย กำหนดมาตรการที่เหมาะสมให้กับจังหวัด พร้อมสนับสนุนการประสานงาน และทรัพยากรที่จำเป็นต่อไปและให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดต้องทำงานคู่กันอย่างใกล้ชิด
นายกฯ กำชับให้ ครม. ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนการกวาดล้างยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัด เพราะไม่ว่าเราจะพัฒนาเรื่องต่าง ๆ ดีแค่ไหน แต่ถ้าคนของเรา ลูกหลานเราติดยา ประเทศก็คงเดินหน้าได้ยาก
2) เรื่อง การแก้ปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ
นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน ทำให้เห็นว่าเรามีศักยภาพด้านปศุสัตว์สูงมาก โดยเฉพาะการผลิตเนื้อโค ในหลายระดับราคา แต่ยังขาดการสนับสนุนด้านการตลาด จึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เข้ามาช่วยดูเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ มาตรฐานการผลิต รวมถึงโรงเชือด และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ เร่งแก้ปัญหาเรื่องราคาและเจรจาเปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพให้มากขึ้น เช่น ซาอุดีอาระเบีย และ จีน เป็นต้น
3) เรื่อง การแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก
นายกฯ มีความห่วงใยหลายพื้นที่ในภาคอีสาน หรือล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ต ที่ยังประสบกับปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งในการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่แล้ว (25 มิ.ย.67) ได้อนุมัติงบกลางกว่า 7,600 ล้านบาท เพื่อเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยนายกฯ ได้สั่งการ ดังนี้
- ให้ สนง.ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกรมชลประทาน เร่งพิจารณาการดำเนินโครงการตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพปัญหา ความเร่งด่วนและสถานการณ์ในพื้นที่ประกอบกันด้วย
- ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการร่วม กับ กรมชลประทาน ในการจัดเตรียมแผนการรับมือและแนวทางการบรรเทาผลกระทบ ที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
4) เรื่อง การเร่งรัดและผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
เรื่องสุดท้าย นายกฯ กล่าวถึง การเร่งรัดและผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับบริการ ประชาชน และยกระดับการบริหารงานราชการที่ทันสมัย โดยสั่งการให้กระทรวงดิจิทัลฯ เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ สนง. ก.พ.ร. กำหนดแนวทางการพัฒนา และผลักดัน การปฏิบัติพร้อมตัวชี้วัด เพื่อให้หน่วยราชการที่ต้องบริการประชาชน มุ่งพัฒนาการบริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว เช่น การบริการ ของหน่วยบริการสาธารณสุข การขอจดทะเบียน ขอใบอนุญาตต่าง ๆ ให้สะดวก และรวดเร็วขึ้น รวมทั้งผลักดันการอบรม และเพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับให้เรียนรู้และใช้งานดิจิทัลอย่างคล่องแคล่วต่อไป