In News

รัฐฯเชื่อประชุมเจทีซีไทย-มาเลย์ต่อยอด ตัวเลขการค้าระหว่าง2ประเทศในทุกมิติ



กรุงเทพฯ-นายกฯ ผลักดันต่อยอดความร่วมมือไทย-มาเลเซียทุกมิติต่อเนื่อง เชื่อมั่นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะส่งเสริมตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นในทุกมิติ

วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นผลักดันความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเพิ่มตัวเลขการค้าชายแดนเพื่อประโยชน์ของคนในพื้นที่ ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี เตรียมนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมั่นว่าด้วยการติดตามการทำงานของนายกรัฐมนตรี การทำงานอย่างแข็งขันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และศักยภาพของทั้งสองประเทศ ซึ่งได้ทำให้การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย 5 เดือนแรกปี 2567 มีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จะส่งเสริมให้การค้าไทย-มาเลเซียเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือรายได้การค้าชายแดนสู่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่าการประชุม JTC ไทย-มาเลเซีย ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการประชุม JTC แรกของไทยกับอาเซียนในปีนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเติบโตทางการค้าของไทยและมาเลเซียนจาก 25,118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 ไปสู่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการประชุมครั้งนี้จะส่งเสริมให้มาเลเซียพิจารณาขยายตลาดให้ไทย เพื่อส่งออกสินค้าเกษตรไปยังมาเลเซียเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งคณะทำงานด้านการค้าชายแดน และการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ของไทย กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย

มาเลเซียเป็นมิตรประเทศที่มีความสำคัญกับไทย เพราะเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในอาเซียน และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในโลก ซึ่งในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-พฤษภาคม 2567) ไทยมีมูลค่าการค้ากับมาเลเซียเป็นจำนวน 10,787.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ไทยส่งออกไปยังมาเลเซีย เป็นมูลค่า 5,046.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น สินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา ข้าว ไก่สดแช่เย็นและแช่เข็ง เป็นต้น รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ และเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้านำเข้าจากมาเลเซียเป็นมูลค่า 5,740.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาทิ น้ำมันดิบ แผงวงจรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์

“นายกรัฐมนตรีเข้าใจถึงบริบทความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียพร้อมกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานร่วมกับผู้นำมาเลเซียด้วยมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกันเป็นอย่างดี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการประชุม JTC ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 จะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างไทย-มาเลเซียให้เพิ่ม Volume ขึ้นในทุกมิติที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ และทำให้เศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายพัฒนา ทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศมีรายได้มากขึ้น นำไปสู่การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายชัย กล่าว