In News
รัฐฯชวนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีน'ไข้หวัดใหญ่' ช่วยลดความรุนแรงโรค-เสี่ยงเสียชีวิต
กรุงเทพฯ-รัฐบาลห่วงใยสุขภาพประชาชนช่วงหน้าฝน เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยง เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี เพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรค-ลดความเสี่ยงเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน
วันนี้ (5 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงฤดูฝน เป็นช่วงฤดูกาลระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคโควิด 19 และโรคไข้หวัดใหญ่ และจากรายงานสถานการณ์โรคโควิด 19 รายสัปดาห์ล่าสุด (23 - 29 มิ.ย. 67) โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังคงพบรายงานผู้ป่วย-ผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ยังไม่เกินความสามารถของระบบการรักษาพยาบาล รวมทั้ง กรมควบคุมโรคยังได้เผยคำแนะนำล่าสุดของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เป็นแนวทางการให้วัคซีนป้องกันโควิด 19 และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2567- 2568 ซึ่งสามารถให้ได้ในครั้งเดียวกันและปลอดภัย รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ออกคำแนะนำแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด 19 และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ปี 2567 - 2568 (เมื่อ 28 มิ.ย. 67) ซึ่งเป็นคำแนะนำสำหรับประชาชนในสหรัฐอเมริกา โดยแนะนำให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ควรรับวัคซีนโควิด 19 เพื่อลดความรุนแรงของอาการจากภาวะแทรกซ้อน และการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แนะนำให้กลุ่มเสี่ยง คือหญิงตั้งครรภ์และเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งในปี 2567 - 2568 วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ คือ H1N1 H3N2 และ B/Victoria ทั้ง 2 วัคซีนสามารถฉีดได้ในครั้งเดียวกัน และมีความปลอดภัย ช่วยลดความรุนแรงของอาการจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ รวมถึงการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิต
ทั้งนี้ ในปี 2566 ข้อมูลจาก CDC พบว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีรายงานผู้ป่วยโควิด 19 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 916,300 ราย และมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 75,500 ราย โดยในปีเดียวกันประเทศไทย มีรายงานผู้ป่วยโควิด 19 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 28,503 ราย และมีผู้เสียชีวิต 702 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป สาเหตุหลักจากลูกหลานพาเชื้อไปติดผู้สูงอายุที่บ้าน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรคแนะนำประชาชนที่มีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หรือสงสัยป่วยไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด 19 ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แยกตัว ไม่ใกล้ชิดกับผู้อื่นและรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เนื่องจากหากกลุ่มดังกล่าวติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ โดยประเทศไทยได้มีคำแนะนำการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์การระบาดทุกปี เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้ โดยประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) 2. เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3. ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน 4. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 5. ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) 6. โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) และ 7. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
“การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ สามารถลดอาการรุนแรงของโรคและความเสี่ยงในการเสียชีวิต อีกทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ยังคงเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งในแต่ละปีประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยมีจำนวนมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด 19 อาจก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง รัฐบาลโดยกรมควบคุมโรค จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว