In Bangkok
'กทม.-สนข.-ไทยสมายบัส'ดีล!!เชื่อมโยง ข้อมูลบนป้ายรถเมล์อำนวยความสะดวก
กรุงเทพฯ-นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยนายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม และนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการ บริษัท ไทย สมาย บัส จำกัด (TSB) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางรถสาธารณะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อแบ่งปัน แลกเปลี่ยน และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และส่งเสริมให้เกิดการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น โดยมีคณะผู้บริหารจากทั้ง 3 หน่วยงานเข้าร่วม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า
“ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการแชร์ข้อมูลการเดินรถสาธารณะ ของทั้งไทย สมาย บัส ผู้ให้บริการรถเมล์รายใหญ่ ซึ่งมีแอปพลิเคชัน ‘TSB Go Plus’ และ สนข. ซึ่งมีแอปพลิเคชัน ‘นำทาง’ ที่รวมข้อมูลการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะที่หลากหลาย เพื่อให้ข้อมูลของรถเมล์ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมบูรณ์มากขึ้น โดยประชาชนที่มีแอปพลิเคชันไม่ว่าจะของใครก็ตาม ในอนาคตที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลสมบูรณ์แล้ว จะสามารถเห็นข้อมูลครบถ้วนมากยิ่งขึ้น” รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวภายหลังพิธีลงนาม
ด้าน ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวเสริมว่า แอปพลิเคชัน ‘นำทาง’ ที่ทาง สนข. ทำ ได้รวบรวมข้อมูลการเดินทางไว้ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือ ซึ่งจากนี้ข้อมูลที่เราทำไว้จะถูกส่งต่อเพื่อนำไปขึ้นจอดิจิทัล Smart Bus Stop ที่อยู่ในความดูแลของ กทม. ด้วย
ประธานกรรมการ TSB กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันรถเมล์ของไทย สมาย บัส มี 123 เส้นทาง ซึ่งยังไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล การที่ กทม. เป็นผู้นำในการผสานความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้โดยสาร เพราะระหว่างรอรถมาสามารถเห็นจากจอได้ว่ารถเมล์สายไหนจะมาภายในกี่นาที ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนการเดินทางได้ และคาดว่าจะดึงประชาชนให้หันมาใช้รถสาธารณะได้มากขึ้น
● เดินหน้าขยายผล วางแผนอัปเกรดป้ายรถเมล์อีก 500 จุด ศาลาที่พักอีก 200 จุด
กรุงเทพมหานคร มีหน้าที่สนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะ รถ ราง เรือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในด้าน “เดินทางดี” โดยสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ได้ติดตั้งศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 2,098 หลัง และติดตั้งป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางทั้งสิ้น 5,000 ป้าย พร้อมได้นำร่องนำเทคโนโลยีจอแสดงข้อมูลระยะเวลาและสายรถโดยสารประจำทางติดตั้งในศาลาที่พักผู้โดยสารอัจฉริยะ หรือ Smart Bus Shelter ซึ่งในระยะเริ่มแรกดำเนินการไปแล้วจำนวน 350 หลัง ได้ผลตอบรับจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี เพราะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยจากผลการสำรวจการใช้บริการรถประจำทางของประชาชน ปัญหาหลักที่พบเป็นเรื่องของเวลา คือไม่มีข้อมูลแจ้งเกี่ยวกับระยะเวลาการมาถึงของรถ จนเกิดความล่าช้าในการเดินทางและไม่สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจอแสดงข้อมูลประจำป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางยังมีจำนวนไม่ครอบคลุมและมีข้อจำกัดด้านข้อมูลที่เกี่ยวข้องของรถประจำทาง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับความร่วมมือในการพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลรถโดยสารประจำทางจากหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในครั้งนี้ กทม. ได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางรถสาธารณะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการแบ่งปัน แลกเปลี่ยน และเชื่อมโยงข้อมูลการเดินรถสาธารณะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดจนเพื่อให้ระบบข้อมูลมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และอนาคต กทม. จะนำระบบข้อมูลจากความร่วมมือในครั้งนี้ ดำเนินโครงการติดตั้งป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางที่มีจอแสดงข้อมูลระยะเวลาและสายรถโดยสารประจำทางอีกจำนวน 500 จุด และติดตั้งจอแสดงข้อมูลในศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางอีกจำนวน 200 จุด ทั้งนี้ เชื่อว่าหากระบบขนส่งสาธารณะถูกพัฒนาให้ง่าย สะดวก และปลอดภัย จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์และเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะมากยิ่งขึ้น
“กรุงเทพมหานครพยายามรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเข้ามาด้วยกัน โดยร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของท่านผู้ว่าฯ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของเมือง หรือ Productivity ของเมือง การมีข้อมูลโดยเฉพาะ Big Data จึงไม่ใช่แค่รัฐได้ใช้ประโยชน์อย่างเดียว แต่ภาคเอกชนก็ใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น ไม่เฉพาะสองแอปพลิเคชันนี้ แต่ใครก็ตามที่อยากจะนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไปวิเคราะห์ หรือไปทำแอปพลิเคชัน หากเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ มาคุยกันได้ หัวใจสำคัญคือ ‘ขอให้เกิดประโยชน์กับสาธารณะ’ ด้วย” รองผู้ว่าฯ วิศณุ ย้ำในตอนท้าย