In Global

'พินิจ จารุสมบัติ'ในมุมมองครบรอบ70ปี กับหลัก5ประการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ



พินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ​70ปี​ การประกาศหลัก​5 ประการ​แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางได้เข้าสู่ทศวรรษใหม่แล้ว และการเชื่อมต่อของโลกก็ได้เข้าสู่ยุคใหม่เช่นกัน เมื่อประเทศไทยเข้าร่วมกลุ่ม BRICS เชื่อว่าจีน-อาเซียนจะกลายเป็นภูมิภาคเศรษฐกิจที่มีพลวัตมากที่สุดในโลก

หลักการห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติเป็นหลักอุดมการของพรรคมจีนและเป็นหลักการที่ทั่วโลกให้การยอมรับเป็นหลักที่ได้รับการตอบสนองหรือได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกอย่างกว้างขวาง  ซึ่งเป็นหลักการของสันติภาพไม่แทรกแซงกันเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกันหรือเป็นหลักการที่จะสร้างสันติสุขสร้างสันติภาพสร้างความร่มเย็นในภูมิภาค

สถานการณ์โลกผันผวนเป็นอย่างมากเกิดความขัดแย้งความการแทรกแซงของมหาอำนาจไม่ว่ากรณีที่เกิดขึ้นในยูเครนกับรัสเซียหรือเกิดขึ้นในฉนวนกาซ่าล้วนแล้วแต่เป็นการแทรกแซงของมหาอำนาจ  ประเด็นในทะเลจีนใต้ก็เป็นประเด็นที่มีความรุนแรงและแล้วจะสามารถก่อให้เกิดความไม่ถูกสุขหรือเป็นภัยอันตรายต่อความมั่นคงในภูมิภาคของเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย

เพราะฉะนั้นหลักการห้าประการของการอยู่ร่วมกันและแนวทางแก้ไขปัญหาของประธานาธิบดีจีนสีจิ้นผิงเสนอ  จะทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขเกิดสันติสุขและหรือให้มีการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของมวลมนุษย์ชาติและแก้ปัญหาความขัดแย้งของประชาคมโลก  ผมยังจำได้ว่าหลักการ “ยุติข้อพิพาทและร่วมกันพัฒนา” ที่เสนอโดยนายเติ้ง เสี่ยวผิง ทำให้ทะเลจีนใต้มีเวลาแห่งความมั่นคงมานานหลายทศวรรษ

หลักห้าประการของประเทศจีนโลกจะถูกเดินไปในทางการอยู่ร่วมกันการแบ่งปันและการช่วยเหลือกันเกื้อกูลกันและเจรจากันประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ลงนามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูช เมื่อ พ.ศ. 2545 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จีนและประเทศในอาเซียนยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อบรรลุหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ที่ประชุมคณะทำงานร่วมอาเซียน-จีน ว่าด้วยการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ครั้งที่ 43 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่ประเทศไทย หวังว่าอาเซียนจะใช้กลไกความร่วมมือนี้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อการเจรจาและร่วมสร้างเสถียรภาพของทะเลจีนใต้ และสร้างความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค

การแก้ไขเรื่องทะเลจีนใต้ต้องอาศัยหลักการเรื่อง การมองอนาคตระยะยาวซึ่งต้องทบทวนประวัติศาสตร์และแสวงหาฉันทามติร่วม

ประวัติศาสตร์ไม่สามารถบิดเบือนหรือว่าเขียนเป็นอย่างอื่นได้ความเป็นจริงดำรงอยู่ว่าอาณาเขตบริเวณของประเทศใดก็ยังเป็นไปตามนั้น มหาอำนาจที่อยากจะมาแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเขตแดนไม่สามารถทำได้  เพราะจะมีจารึก มีตัวอักษรจีน มีศิลา มีการบันทึกในพงศาวดารในปีนี้มีหนังสือเล่มใหม่ เรื่อง “ประวัติศาสตร์และอธิปไตยในทะเลจีนใต้”ของ Anthony Carty ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศได้ตีพิมพ์ หนังสือได้ศึกษาเอกสารจาก  หอจดหมายเหตุของรัฐบาลฝรั่งเศส อังกฤษ และอเมริกาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19  เจาะลึกประวัติศาสตร์และอธิปไตยของทะเลจีนใต้  หนังสือได้อธิบายอธิปไตยของประเทศจีนในภูมิภาคทะเลจีนใต้ตามประวัติศาสตร์  ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานสำคัญในการแก้เรื่องทะเลจีนใต้

ในความเป็นจริง เรื่องทะเลจีนใต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นการแทรกแซงของประเทศมหาอำนาจโดยขึ้นกับผลประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หวังว่าอาเซียนและจีนจะอยู่ร่วมกันในการเจรจากันปัญหาทะเลจีนใต้จะมีความสงบแล้วจะไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ดีต่อประชาสังคม

ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลจีนใต้หรือเรื่องความขัดแย้งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิ  การร่วมมือกันแบ่งปันกันตามหลักการห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จะเป็นเส้นทางสู่สันติภาพผมเชื่อมั่นโดยตลอดว่าสันติภาพคือสิ่งล้ำค่าสำหรับทุกประเทศ และเป็นสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประชาสังคม