In Thailand

ลพบุรีร่วมคณะสงฆ์จัดพิธีบําเพ็ญกุศล ถวายพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่10



ลพบุรี-จังหวัดลพบุรีร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดลพบุรีจัดพิธีบําเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราชเนื่องในอภิลักขิตสมัย 200 ปีนับแต่ทรงพระผนวช ในพระบรมราชูปถัมภ์

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2567    พระปัญญาวิสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี (ธ) เจ้าอาวาสวัดพระนางจามเทวี  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อม พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จำนวน 10 รูป นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช เนื่องในอภิลักขิตสมัย 200 ปี นับแต่ทรงพระผนวช ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นางสุวจี ศิริปัญโญ  นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ทหาร ตำรวจ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมพิธี  ที่ วัดมณีชลขัณฑ์ ตำบลพรหมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

โดยประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ชุดล่าง ถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ 4 จากนั้นประธานในพิธีจุดเครื่องทองน้อย ชุดบน สักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ 4 จุดเทียนส่องธรรม จุดเครื่องทองน้อยหน้าพระประธานบูชาธรรม เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล พระสงฆ์ถวายศีล เจ้าหน้าที่อาราธนาธรรม พระสงฆ์ถวายพระธรรมเทศนา พระสงฆ์อนุโมทนาบนธรรมาสน์ ซึ่งในเวลาต่อมาประธานในพิธีถวายเครื่องกัณฑ์เทศน์ เจ้าหน้าที่ลาดพระภูษาโยง และรองโยง ประธานในพิธี ทอดผ้าไตรจำนวน 1 ไตร เจ้าหน้าที่เชื่อมพระภูษาโยง พระสงฆ์สดับปกรณ์และถวายอดิเรก พระสงฆ์ 10 รูป ขึ้นนั่งประจำอาสน์สงฆ์ เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น ประธานฝ่ายฆราวาสพร้อมทั้งแขกผู้มีเกียรติ ถวายเครื่องไทยธรรมแก่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป เจ้าหน้าที่ลาดพระภูษาโยง และรองโยง ประธานในพิธีทอดผ้าไตร 10 ไตร พระสงฆ์อนุโมทนา ถวายอดิเรกเป็นอันเสร็จพิธี

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระราชวังเดิม เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2347 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 43 เป็นลำดับที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยกับสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 14 พรรษา ทรงออกผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 21 พรรษา ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจำพรรษาที่วัดมหาธาตุ จากนั้นทรงเสด็จจำพรรษาที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร

พระองค์ทรงเสด็จออกธุดงค์ไปยังหัวเมืองต่างๆ ทำให้ทรงคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษร์ พระองค์ทรงพระราชอุตสาหะวิริยะเรียนภาษาอังกฤษจนทรงพระอักษร ตรัส ทรงเป็นนักปราชญ์รอบรู้ทั้งคดีโลกและคดีธรรม พระองค์ทรงตั้งคณะธรรมยุติกนิกาย จากนั้นทรงลาผนวชเพื่อขึ้นครองราชย์ รวมระยะเวลาที่ทรงผนวชทั้งสิ้น 27 พรรษา ทรงขึ้นครองราชย์มีพระชนมายุ 48 พรรษา หลังจากขึ้นครองราชย์ในลำดับรัชกาลที่ 4 ทรงทำนุบำรุงส่งเสริมบวรพระพุทธศาสนาและคณะธรรมยุติกนิกายเรื่อยมาจนสิ้นรัชกาล เป็นต้น ทรงพระปรีชาสามารถวิชาดาราศาสตร์ โหราศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง ทรงคำนวนไว้ล่วงหน้าว่าจะเกิดสุริยปราคาเห็นได้เต็มดวงชัดเจนที่ ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงได้รับการเทิดพระเกียรติ พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย

ทวีศักดิ์/ลพบุรี