In News
นายกฯสัมภาษณ์สื่อในประเด็นที่น่าสนใจ 'เงินดิจิทัล-จีนเทา-หารือบุคคลสำคัญ'
กรุงเทพฯ-นายกฯให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นและกำลังจะมาถึง รอรับรายงานเยียวยาเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวชน ย้ำมีมาตรการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยว นายกฯ ยันไม่เสียกำลังใจ แม้ทำงานหนัก แต่ยังมีคดีตามมา และได้ย้ำแหล่งที่มาเงินดิจิทัล 10,000 บาท ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ เผยหากดำเนินการเรียบร้อยจะแจ้งให้ทราบทั่วกัน และนายกฯ กำชับ ผบ.ตร. กวดขันปัญหายาเสพติด พนันออนไลน์ สินค้าเถื่อน และกลุ่มจีนเทา ดูแลทุกข์สุข ปชช.เตรียมลงพื้นที่ตำรวจตระเวนชายแดน จ.อุดรธานี 10 ก.ค. นี้ ยืนยันพบนายกฯ มาเล 3 ส.ค.นี้ ย้ำมาเลฯ เปลี่ยนตัว ผอ.ความสะดวกพูดคุยสันติสุขใต้ ไม่กระทบไทย นอกจากนี้นายกฯ หารือผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามอียิปต์ เน้นย้ำความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมกระชับความร่วมมือในด้านการศึกษา และความร่วมมือระหว่างประเทศ และล่าสุดนายกฯ หารือบริษัท New World Development มุ่งขยายโอกาสทางธุรกิจ พร้อมสนับสนุนไทยจัดงานเทศกาลด้านศิลปะและวัฒนธรรม ส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาให้งานศิลปะในภูมิภาค
วันนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.20 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช จะมีมาตรการดูแลผู้เสียหายอย่างไรว่า รับทราบรายงานแล้วซึ่งอยู่ระหว่างรอรายงานการเยียวยา ส่วนข้อกังวลว่าเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแต่ไม่มีมาตรการป้องกันในเรื่องความปลอดภัย นั้น นายกรัฐมนตรี มองว่าไม่จริง ที่ผ่านมาได้กำชับเรื่องความปลอดภัยและดำเนินการมาโดยตลอด
นายกฯ ยันไม่เสียกำลังใจ แม้ทำงานหนัก แต่ยังมีคดีตามมา
วันนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.20 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การที่นายกรัฐมนตรียังเดินหน้าทำงานอย่างหนัก แต่กลับมีคดีตามมาเป็นหางว่าว จะทำอย่างไรว่า ตนเองก็ยังตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ถ้ามีความไม่สบายใจ มีความข้องใจ เรามีองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง ตนเองก็ยอมรับในกระบวนการที่เราก้าวเข้ามาเป็นนักการเมือง ไม่ได้เสียกำลังใจอะไร ก็ทำงานต่อไป
นายกฯ ย้ำแหล่งที่มาเงินดิจิทัล10,000 บาทถูกต้องตามกฎหมายแล้วจะแจ้งให้ทราบทั่วกัน
วันนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.20 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยเฉพาะ ธ.ก.ส. ซึ่งฝ่ายค้านได้ดูงบประมาณ ปี 2568 และงบ ธ.ก.ส. อาจจะมีไม่เพียงพอให้รัฐบาลใช้สำหรับโครงการ รัฐบาลได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวหรือไม่
นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ก็เข้าใจในความกังวลในเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำว่า จะมีการแถลงชี้แจ้งให้ทราบ และได้มีการพูดคุยกันตลอด ถ้าดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ในแหล่งที่มาของเงินโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในสามแหล่งที่มาสามารถตรวจสอบได้ นายกฯ กล่าวว่าทุกอย่างจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามกฎหมาย
นายกฯ กำชับ ผบ.ตร. กวดขันปัญหายาเสพติด พนันออนไลน์ สินค้าเถื่อนและกลุ่มจีนเทา
เวลา10.20น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเรียกประชุมร่วมกับ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโท นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้กำชับในหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ซึ่งจะมีการเชิญลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ จะลงไปดูพื้นที่ตำรวจตระเวนชายแดน เน้นย้ำไม่ให้มีการลักลอบยาเสพติดตามแนวชายแดนเข้ามายังประเทศไทย รวมถึงการปราบปรามยาเสพติดที่ต้องทำงานร่วมกับทหาร พร้อมกันนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามยาเสพติด เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว โดยจะมีการประชุมในระดับพื้นที่อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังได้กำชับเรื่องสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดนต่าง ๆ พร้อมเน้นย้ำการปราบพนันออนไลน์และกลุ่มจีนเทา ซึ่งในส่วนของฝ่ายปฏิบัติยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองได้เน้นย้ำให้ดูแลปัญหาทุกข์สุขของประชาชน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ไม่ได้มีการสอบถามพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ถึงกระแสข่าวการยื่นหนังสือลาออกก่อนหมดวาระ ได้มีการสอบถามในเรื่องงานอย่างเดียว เนื่องจากตนเองเน้นเรื่องงานเป็นหลัก ซึ่งการดำรงตำแหน่งของพลเอก ต่อศักดิ์ เหลืออีก 2 เดือนครึ่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปถึงการหารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ภายหลังรัฐบาลประเทศมาเลเซีย ได้ประกาศแต่งตั้ง ดาโต๊ะ ฮัจญี โมฮาเหม็ด ราบิน บิร บาซีร เป็นผู้อำนวยการความสะดวกการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ฝ่ายมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ว่าในเรื่องนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ส่วนตัวมั่นใจ จะเป็นผลดีมากกว่า ทั้งนี้ ต้องมีการพูดคุยว่ามีข้อเสนอแนะในด้านใด เพราะถือว่าเป็นเรื่องทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ จะมีการพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กำลังเตรียมการในเรื่องรายละเอียดทั้งหมด ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังคงเดินหน้าการพูดคุยสันติสุข
นายกฯ หารือผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามอียิปต์
และเวลา 10.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบหารือกับศาสตราจารย์ ดร. อะห์เมด มุฮัมมัด อะห์เมด อัล-ฏอยยิบ (Professor Dr. Ahmed Mohamed Ahmed El-Tayeb) ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ในโอกาสเยือนไทยในฐานะแขกของรัฐบาล โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของอียิปต์ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐบาล (as Guest of the Government) และเป็นการเยือนในโอกาสครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับอียิปต์ในปีนี้ด้วย เชื่อว่าการเยือนไทยครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งดีขึ้น
ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามอียิปต์กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และประชาชนชาวไทยที่ได้ต้อนรับคณะที่ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างอบอุ่น ยินดีที่ทุกภาคส่วนของไทยได้ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างอียิปต์กับไทยให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมหวังว่าไทยและอียิปต์จะร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต รวมทั้งกระชับความร่วมมือให้ครอบคลุมถึงมิติต่าง ๆ มากขึ้น
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีขอบคุณอียิปต์และมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร (Al-Azhar University) ที่มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนไทยอย่างต่อเนื่อง และยังได้ขยายทุนการศึกษาไปยังสาขาวิชาสามัญด้วย ซึ่งจะทำให้นักศึกษาไทยสามารถนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศได้ ด้านผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามอียิปต์กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักศึกษาไทยที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยฯ เป็นจำนวนประมาณ 3000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 612 คน เป็นผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจากไทย โดยอียิปต์ยังได้มอบทุนการศึกษาให้แก่ประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษเป็นจำนวน 160 ทุนต่อปี แบ่งเป็นสาขาศาสนาและอิสลามศึกษาจำนวน 80 ทุน และอีก 80 ทุนมอบให้นักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ และเภสัชศาสตร์ รวมถึงได้ส่งคณะครูอาจารย์จากอียิปต์ซึ่งในขณะนี้มีประมาณ 18 คน เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนภาษาอาหรับและศาสนาให้แก่โรงเรียนศาสนาอิสลามที่มีอยู่ในประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ ไทยและอียิปต์ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการทำบันทึกความเข้าใจ สำหรับการพัฒนาศูนย์ภาษาอาหรับกับมหาวิทยาลัยฯ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านภาษาอาหรับแก่นักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อที่ประเทศอียิปต์ โดยไทยเห็นความสำคัญของการสื่อสารภาษาอาหรับ เพราะไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ด้านอียิปต์พร้อมร่วมมือกับไทยในการเปิดศูนย์พัฒนาภาษาอาหรับ ซึ่งเชื่อว่าโครงการที่มีประโยชน์สำหรับนักศึกษาไทย
ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามอียิปต์กล่าวชื่นชมบทบาทนายกรัฐมนตรี และประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องถึงการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืน ด้านนายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำว่า ไทยวางตัวเป็นกลาง และสนับสนุนแนวทางสองรัฐ(two-State solution) และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามในการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและสันติ พร้อมขอบคุณอียิปต์ที่ช่วยเป็นตัวกลางการเจรจาเพื่อให้ปล่อยตัวประกันชาวไทย และขอรับความสนับสนุนจากฝ่ายอียิปต์ต่อไปในการเจรจา เพื่อช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้พิจารณามอบเงินบริจาคเป็นจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่สภาเสี้ยววงเดือนแดงของอียิปต์ (Egyptian Red Crescent) เพื่อสนับสนุนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนปาเลสไตน์ โดยจะส่งมอบเงินผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ต่อไป ด้านอียิปต์กล่าวขอบคุณรัฐบาลและประชาชนไทยที่ได้บริจาคเงินดังกล่าว พร้อมเห็นพ้องกับนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหา และพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติและยั่งยืน
นายกฯ หารือบริษัท New World Developmen
ล่าสุดช่วงเวลา 11.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ นาย Adrian Cheng รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท New World Development จำกัด (NWD) และคณะผู้บริหาร โดยภายหลังการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการพบปะหารือครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกของความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมยินดีที่บริษัทฯ เห็นถึงศักยภาพความร่วมมือและการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยินดีอำนวยความสะดวก และนำประเด็นที่เกิดจากการหารือไปพิจารณาต่อ โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน และด้านศิลปะและวัฒนธรรม (Art & Culture) โดยในปี 2568 ถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กับการยกระดับศิลปะวัฒนธรรม การจัดงานเทศกาลระดับโลกต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
นาย Adrian Cheng รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท New World Development จำกัด (NWD) กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสนใจต่อการลงทุนในมิติต่าง ๆ เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันในเอเชีย โดยเห็นถึงศักยภาพของไทย เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบการเงินดิจิทัล การสนับสนุนภาคท่องเที่ยวผ่านเทศกาลงานศิลปะและวัฒนธรรม ตลอดจนการพัฒนาเชิงการแพทย์ รวมทั้งทั้งสองฝ่ายสามารถเป็นอีกช่องทางเพิ่มความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ได้ในภูมิภาค
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญ ดังนี้
ด้านการลงทุน บริษัทฯ ให้ความสนใจ พร้อมศึกษาเพื่อการลงทุนในไทย เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน Landbridge การเงินดิจิทัล (Digital Finance) โดยให้ความสนใจกับแนวคิดริเริ่มทางการเงินดิจิทัลของประเทศไทย รวมทั้งด้านการพัฒนาเชิงการแพทย์ บริษัทฯ ให้ความสนใจถึงการผลิต การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Biotech) ในไทย ซึ่งจะสามารถส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยมีศักยภาพ และพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนร่วมกันต่อไป โดย BOI จะเป็นสื่อกลางสำคัญในการประสานงานร่วมกับบริษัทฯ
ด้านงานศิลปะและวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการจัดงานเทศกาลด้านศิลปะและวัฒนธรรมในประเทศไทย สร้างมูลค่าทั้งด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IP) ให้แก่งานศิลปะของเอเชียและภูมิภาค และด้านการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ที่สนใจทั่วโลก ซึ่งไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรม เปิดพื้นที่ให้ศิลปินทุกแขนงได้จัดแสดงผลงาน ด้านบริษัทฯ เห็นพ้องและพร้อมให้การสนับสนุนการจัดงานด้านศิลปะในไทย โดยเชื่อมั่นว่าการนำเสนอเอกลักษณ์ทางศิลปะของเอเชียจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคร่วมกัน