In News
นายกฯตอบกระทู้ต่อสภาใน3ประเด็นฮอต 'เงินดิจิทัล24ก.ค.นี้จบ/สิทธิอสังหาฯ99ปี
กรุงเทพฯ-นายกฯ ย้ำเรื่องการถือครองอสังหาฯ 99 ปี กำลังศึกษาความเหมาะสม ตั้งใจทำอย่างซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน ยืนยันจะวิ่งสู้เพื่ออนาคต สู้เพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า สู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต และ แจงรัฐบาลใช้งบกลาง ดูแลประชาชนทุกมิติทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า เกษตร ไม่ท่วมไม่แล้ง ถนนและสถานพยาบาล ก่อนหน้านี้นายกฯ แจงพิจารณารายละเอียดดิจิทัลวอลเล็ต อย่างรอบด้าน ยืนยันดำเนินการอย่างสุจริต เน้นกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค มั่นใจ 24 ก.ค.นี้ มีความชัดเจนเรื่องงบประมาณและประเภทสินค้า
วันนี้ (11 กรกฎาคม 2567) เวลา 11.49 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณี ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ โดยขยายเวลาการถือครองสิทธิ หรือ เช่า แบบทรัพย์อิงสิทธิเป็นเวลา 99 ปี ว่า เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลได้มีการทำอย่างต่อเนื่อง บางอย่างไม่ต้องใช้งบประมาณก็ได้ อย่างเช่น ราคาพืชผล ใช้นโยบาย ใช้การที่เราทุ่มเทมุ่งมั่นในการใส่ใจ ดูแลเรื่องชายแดนไม่ให้มีสินค้าเกษตรเถื่อนเข้ามา ทำให้รายได้ของพี่น้องประชาชนสูงขึ้นมา ตรงส่วนนี้ไม่ใช่ว่าทุกอย่างต้องใช้งบประมาณ การใช้นโยบาย การใช้ความุ่งมั่น การใช้การประสานงานร่วมกันทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร ฝ่ายทหาร กอ.รมน. มีส่วนทำให้รายได้ของพี่น้องประชาชนสูงขึ้น
ส่วนเรื่องของการถือครองที่ดินของต่างชาติ 99 ปี อย่างที่ได้แจ้งว่าให้มีการเสนอให้มีการศึกษาเรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะเป็นการลิงก์กันหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ที่เข้ามา ก็เป็นการเรียกร้องจากฝ่ายต่างประเทศ อยากจะให้มีการพิจารณา เรื่องของการเพิ่มระยะเวลาจาก 30 ปี เป็น 99 ปี เรียนว่าไม่ใช่เป็นการขายชาติ เป็นการให้การศึกษาว่าจริง ๆ แล้วเหมาะสมหรือไม่ในการที่จะให้ทำ เพราะฉะนั้นตรงส่วนนี้ขอฝากให้ดูกันว่าถ้าหากทำขึ้นมาแล้วจะส่งผลระยะยาวต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ก่อให้เกิดการลงทุนระหว่างประเทศสูงหรือไม่ ขอยืนยันว่าจะต้องมีการศึกษาแล้วตั้งใจทำให้อย่างซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทุก ๆ ประการ ไม่ได้มีการกดดันใครทั้งสิ้น ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของตนนั้น เราจะวิ่งสู้เพื่ออนาคต และพรรคร่วมทุก ๆ พรรคที่อยู่ในรัฐบาลเราก็จะช่วยกัน วิ่งสู้ต่อไปเพื่อปัจจุบันที่ดีกว่า ต้องสู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต
นายกฯแจงรัฐบาลใช้งบกลาง ดูแลประชาชนทุกมิติ
เวลา 11.25 น. นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณีเกี่ยวกับการใช้งบกลาง ยืนยันว่ารัฐบาลได้มีการใช้งบกลาง ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มผ่านมาตรการต่าง ๆ ทั้งเรื่องค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า รวมไปถึงเรื่องของการเกษตร การบริหารจัดการน้ำในการดูแลเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง ตลอดจนเรื่องของถนน และสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั้งนี้หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งบกลาง ไม่ชัดเจน ครั้งหน้าก็สามารถที่จะมาแถลงอีกครั้งได้ โดยจะนำรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งบกลางของรัฐบาลว่ามีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนมานำเสนอให้ทราบ
ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจโดยรวมที่มีการระบุว่า มีการปิดโรงงาน ไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ นั้น นายกฯ ได้ชี้แจงว่า เรื่องของวิกฤตหรือไม่วิกฤตเรามีความเห็นต่างกันมาก ต้องกระตุ้นหรือต้องเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจหรือไม่ นั้น ซึ่งทุกคนทราบอยู่แล้ว 10 ปีที่ผ่านมา GDP ไทย โตต่ำมาก ไม่มีการดำเนินการเรื่อง Infrastructure ขนาดใหญ่เลย ส่งผลให้การบริโภคโตเฉลี่ยแค่ประมาณ 3% ต่อปี การเจริญเติบโตส่วนใหญ่เป็น K Shape Recovery หรือเป็นช่วงพีระมิด K Shape คือ ช่วงบนโตที่รวยแล้วก็รวยอีก คนจนก็ต่ำต้อยต่อไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากช่วงวิกฤตโรคโควิด-19 มา ทำให้เห็น K Shape Discovery ก็เกิดขึ้นแล้วในสังคมไทย ขณะที่การลงทุนของภาครัฐและเอกชนก็อยู่แค่ประมาณ 1% เท่านั้น ส่งออกก็ติดลบ การนำเข้านำเข้ามากขึ้นส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบ พลังงาน ทั้งนี้ปัญหาตรงนี้ใหญ่ ๆ มี 5 ข้อ
ข้อแรก คือ การปิดตัวของโรงงานชัดเจน ขณะที่อุตสาหกรรมต้องมีการปรับตัวกับความต้องการของโลกสมัยใหม่ ซึ่งเราก็มีการปรับตัวช้ามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตรงนี้จึงเป็นที่มา ว่าทำไมนายกรัฐมนตรีถึงเดินทางไปต่างประเทศ ตรงก็นี้เพื่อเป็นการไปเจรจากับ ทางบริษัท Tech ใหญ่ ทั้ง Google Microsoft AwS (Amazon web Service) เพื่อให้เข้ามาสร้าง Data Center และ Infrastructure พื้นฐาน ที่จะรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างผลกำไรให้กับประชาชนทุกคนทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หรือแม้กระทั่งการเดินทางไปประเทศจีน เพื่อไปพูดคุยนำรถ EV เข้ามา ให้มีการเปลี่ยนผ่านจาก ICE ไปเป็น EV ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก แม้ EV จะมีการสะดุด ยอดขายตกไปบ้างแต่เราก็ยังเดินหน้าต่อและยังมีการปรับโครงการ Incentive ทั้งหลาย ไม่ใช่แค่ EV อย่างเดียว เรื่องของ Hybrid เราก็พยายามดูแลคู่ค้าจากญี่ปุ่นด้วยเพื่อให้ supply chain ทั้งหมดแข็งแกร่งและอยู่ต่อไปได้
ข้อสอง คือ การนำเข้าพลังงานจำนวนมากเป็นรายจ่ายที่สำคัญ ซึ่งเรามีหนึ่งวิธีในทางแก้ไข คือเรื่อง แหล่งก๊าซปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อน OCA ไทย-กัมพูชา รัฐบาลได้ประกาศแล้วจะมีการแก้ไข โดยมีการประเมินตัวเลขก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในอ่าวไทยซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศกัมพูชา มีมูลค่ากว่า 20 ล้านล้านบาท โดยเราจะต้องมีการพูดคุยซึ่งกันและกัน จะมีการนำมาใช้อย่างไรเพื่อนำมาแก้ไขราคาโครงสร้างของพลังงานได้ ไม่ต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
ข้อสาม คือ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรื่องของ Trade War หรือ Geopolitics เป็นเรื่องที่สำคัญ แม้ว่าประเทศไทยจะมีจุดยืนเป็นกลาง ไม่ทะเลาะกับใคร พร้อมที่จะเป็นคู่ค้ากับทุกคน แต่กลับทำให้การส่งออกลดน้อยลง โดยเราต้องมีจุดยืนทางด้านการต่างประเทศที่ชัดเจน จำเป็นต้องมีการเดินทางไปพูดคุยกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ต้องมีการเดินทางไปพูดคุยตลอดเวลาเพื่อทำให้ต่างประเทศมีความมั่นใจในการที่จะมาลงทุนและซื้อสินค้าของไทยด้วย
ข้อสี่ คือ การลงทุนมีแนวโน้มต่ำ อย่างที่เคยแจ้งให้สภาทราบว่าครั้งสุดท้ายที่เรามีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ คือ โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ในสมัยนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผ่านมาเกือบ 20 ปี จากนั้นเราไม่มีโครงการขนาดใหญ่เลย
ข้อห้า คือ การบริโภคภายในประเทศ ถ้าเราตัดการท่องเที่ยวออกไปก็จะนับว่าประเทศไทยไม่มีการเจริญเติบโตเท่าที่ควร โดยการท่องเที่ยวนั้นรัฐบาลใช้เป็นนโยบายหลักตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ไม่ได้ใช้งบประมาณเป็นหลัก ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งใน Growth engine ที่สามารถพยุงเศรษฐกิจได้ อาทิ ฟรีวีซ่าไทย-จีน การเปิดนิทรรศการต่าง ๆ เชิญชวนให้ชาวต่างประเทศมาลงทุน ท่องเที่ยวในประเทศไทย อีกทั้งรัฐบาลยังดูแลเรื่องความปลอดภัยควบคู่ไปกับฝ่ายความมั่นคง ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ต้องการที่จะมาเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นอกจากนั้นการท่องเที่ยวยังแบกเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดำเนินการต่อ ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมาประเทศอินเดียก็ได้ยกเว้นวีซ่าฟรีให้กับคนที่จะเข้ามาท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวและรัฐบาลจะมีการกระตุ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาคอุตสาหกรรมนั้นก็มีแนวโน้มต่ำเช่นเดียวกัน Capacity Utilization ก็ต่ำมาโดยตลอด ลดลงตลอดเวลา แสดงให้เห็นว่าความต้องการสินค้ามีไม่เพียงพอ คนไม่มีกินไม่มีใช้ เพราะฉะนั้นนี้เป็นเหตุผลทำไมถึงต้องมีดิจิทัลวอลเล็ต หากมีเงินใหม่เข้ามาในระบบ 450,000 ล้านหรือ 500,000 ล้าน ทุกคนลองจิตนาการว่า โรงงานต่าง ๆ จะมีการผลิตสินค้ามารองรับการซื้อของประชาชนที่จะมีเงินเข้าไปในระบบหรือไม่ ซึ่งนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการผลิต การจ้างงาน ประชาชนต่างมีความหวัง
นายกฯ แจงพิจารณารายละเอียดดิจิทัลวอลเล็ต อย่างรอบด้าน24ก.ค.นี้ชัดเจน
เวลา 11.20 น. นายเศรษฐา ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณี โครงการ Digital wallet ว่า ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับสภาฯ ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงอะไรแต่มีภารกิจที่แน่น โดยพยายามเลื่อนการประชุมเพื่อที่จะมาตอบกระทู้ได้ตามความต้องการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อวานนี้ ก็ได้ลงพื้นที่ตลอดช่วงบ่าย จึงไม่มีเวลามาตนพยายามมาตอบกระทู้ให้ได้ ซึ่งครั้งนี้ก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและจะพยายามมาอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ กล่าวตอบคำถามเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จะมีการแถลงวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ โดยที่ยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องของประเภทสินค้า ก็เป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่งว่ารัฐบาลได้ฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน เรื่องของการที่จะใช้ซื้ออะไรได้ซื้ออะไรไม่ได้ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำก่อนที่โครงการจะออกมาสำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งก็ต้องรับฟังจากทุก ๆ ภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ หรือฝ่ายค้านก็ตามทีว่าอะไรเหมาะสม อะไรไม่เหมาะสม เรื่องเหล่านี้ได้ให้ความสำคัญ และมีการพูดคุยกันตลอด ก็จะได้มีการปรับปรุงเพื่อให้โดนใจประชาชน ถูกจุดประสงค์ถูกจุดหมายหลักของการที่ออกโครงการ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องของงบประมาณ ว่าได้กันงบประมาณ งบกลางไว้ที่ 43,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องที่บอกว่า 450,000 ล้านบาทลงมาจาก 500,000 ล้านบาท ก็ได้ดูจากสถิติเก่า ที่ว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีการแจกเงิน ทำการวิเคราะห์ดูว่าจะมีคนที่จะเข้ามาใช้สิทธิกี่คน แต่พยายามเตรียมงบประมาณเพื่อให้เตรียมให้เต็มที่ งบประมาณตัวนี้ มั่นใจว่าจะใช้ความพินิจพิเคราะห์อย่างดีเพราะว่าจะต้องโดนจุด เป็นไปตามกฎหมาย และความซื่อสัตย์สุจริต และเป็นไปตามกฎกติกาในการใช้งบประมาณที่ถูกต้อง
นายกฯ ย้ำเพิ่มเติมว่าดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายหลัก เหตุผลที่ต้องใช้เงิน 10,000 บาทต่อคนแล้วจำกัดพื้นที่ในการใช้ เรื่องของเรื่องคือการที่จำกัดความเจริญอยู่ได้แค่หัวเมืองหลักอย่างเดียว การที่พี่น้องประชาชนมีบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ในอำเภอไหน ก็ใช้ในอำเภอนั้นเพื่อให้เงินที่แจกไปนั้น ได้ไปใช้ในอำเภอนั้น ๆ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดที่ยังมีการพัฒนาต่ำ ไม่ว่าจะเป็นหนองบัวลำภู บึงกาฬ หรือมหาสารคาม ซึ่งมี GPP ยังต่ำอยู่ ก็อยากให้ไปกระตุ้นตรงนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค และเป็นไปตามความต้องการของทุก ๆ คน มั่นใจว่า 24 กรกฎาคม จะมีความชัดเจนมากขึ้นในแง่ของงบประมาณและประเภทสินค้าที่จะออกมา