In Bangkok

กทม.กำชับการเช่ารถขยะพลังงานไฟฟ้า ยึดระเบียบ-กฎหมายอย่างเคร่งครัด



กรุงเทพฯ-นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการเช่ารถเก็บขนมูลฝอยพลังงานไฟฟ้าของ กทม. ว่า กทม. โดย สสล. ได้ขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2566 เพื่อเช่ารถเก็บขนมูลฝอยทดแทนรถในสัญญาเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 รวม 842 คัน แบ่งเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย รถแบบอัด 5 ตัน จำนวน 464 คัน แบบอัด 2 ตัน จำนวน 152 คัน แบบยกภาชนะ 3 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จำนวน 102 คัน และแบบยกภาชนะ 8 ลบ.ม. จำนวน 124 คัน โดยทั้ง 4 โครงการ ระบุวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารถเก็บขนมูลฝอยให้เพียงพอในการบริการเก็บขนมูลฝอยจากบ้านเรือนประชาชน และไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องยนต์ที่ต้องใช้

ทั้งนี้ สสล. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของ กทม. ได้เฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศมาโดยตลอด ซึ่งปัญหาฝุ่น PM2.5 สาเหตุส่วนหนึ่งจากการใช้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าในหน่วยงานราชการ ซึ่ง กทม. ได้มีหนังสือเวียนแจ้งทุกหน่วยงานพิจารณาใช้รถไฟฟ้าหากมีการจัดหารถใหม่ทดแทน ขณะเดียวกันผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีนโยบายระบบนิเวศสีเขียว (Green Ecosystem) ลดฝุ่น PM2.5 ลดมลภาวะทางเสียง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ  สสล. จึงได้พิจารณาเลือกใช้รถไฟฟ้าเก็บขนมูลฝอยทั้ง 4 โครงการ รวมถึงโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ลดฝุ่น PM2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างระบบนิเวศการใช้รถไฟฟ้า เพื่อเป็นผู้นำประชาชนในการใช้ยานพาหนะใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการเช่ารถเก็บขนมูลฝอยพลังงานไฟฟ้าทั้ง 4 โครงการ สสล. ได้รับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 1 พร้อมปรับปรุงการจัดทําข้อกำหนดและขอบเขตการจ้าง (TOR) แต่ยังขาดข้อมูลบางส่วน ประกอบกับมีข้อทักท้วงหลายประการจากสภา กทม.  และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ปปช.) จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงศึกษาข้อเท็จจริงตามที่มีข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติและประสิทธิภาพจำนวนรถเก็บขนมูลฝอยแบบดีเซลที่จะทยอยสิ้นสุดสัญญา ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าทดสอบรถล่วงหน้าและจัดอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมเตรียมระบบรองรับอย่างเพียงพอต่อไป