Authority & Harm
ลอบข้ามแดนจับได้อื้อ!มีคนอินเดียด้วย
เชียงราย-สกัดจับหนุ่ม อินเดีย ลอบข้ามแดนจากพม่ามายัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ้างจะเดินทางกลับบ้านเกิด แต่ จนท.จับได้ผลักดันกลับทางช่องทางเดิม นอกจากนี้ ยังสกัดจับ 4 คนไทย ลอบข้ามแดนเข้ามา อ.แม่สาย อ้างไปทำงานในเมืองท่าขี้เหล็ก แต่เริ่มไม่มีงานทำจึงอยากกลับบ้าน ควักเงินคนละ 1 หมื่นบาทว่าจ้างขบวนการพาข้าม จึงส่งตัวดำเนินคดี ภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง, นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย,พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน ผกก.ตม.จังหวัดเชียงราย ส่งกำลังทำการ ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณท่าข้าม หลังวัดถ้ำผาจม (รร.สวนแก้ว) ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พิกัด NC 908607 ขณะเฝ้าตรวจบริเวณดังกล่าวได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 1 คน ท่าทางมีพิรุธ จนท.จึงได้แสดงตนเข้าขอทำการตรวจค้น ก่อนการตรวจค้น ได้แสดงความบริสุทธิ์สุดใจจนเป็นที่พึงพอใจแล้ว ทราบชื่อภายหลังคือ นาย ซออะแว อู อายุ 29 ปี สัญชาติ อินเดีย จากการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
จึงได้สอบถามผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ลักลอบเดินทางจาก เมืองท่าขี้เหล็ก สหภาพเมียนมา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย เพื่อจะเดินทางไป กรุงเทพฯ เพื่อหาทางกลับไปยังประเทศ อินเดีย(เขต การาจี)ข้ามบริเวณช่องทางผิดกฎหมายริมแม่น้ำสาย ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย แต่ถูกตรวจพบก่อน จนท.จึงได้ผลักดันเพื่อกลับไปยัง ฝั่งเมียนมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย ที่ระบาดหนักในประเทศอินเดีย ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกจากนี้ ตำรวจ สภ.แม่สาย ร่วมกับ จนท.ทหาร คทร.ที่ 3 ฉก.ม.3 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี มีกลุ่มบุคคลคนเดินป้วนเปี้ยน คาดว่าเดินทางข้ามจากฝั่งประเทศเมียนมา มาทางช่องทางตามแนวสันเขาใกล้กับบริเวณวัดถ้ำผาจม ม.1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ไม่ห่างจากจุดแรกนัก จึงได้จัดกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่พลเมืองดีแจ้งมา ได้พบกลุ่มต้องสงสัย 4 คน ยืนอยู่ริมถนน ทางเข้าวัดถ้ำผาจม จนท.จึงได้เข้าไปแสดงตัวขอตรวจสอบ จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้ให้การภาพว่าได้เดินทางมาจากเมืองท่าขี้เหล็ก เมียนมา ตามช่องทางธรรมชาติลำน้ำสาย ลัดเลาะเดินตามแนวสันเขามาโผล่ออกทางหลังวัดถ้ำผาจม และรอให้คนมารับแต่มาถึงจุดที่ถูกจับกุมก่อน ต่อมาทราบชื่อ 1.น.ส.ทาลิธา เรือนงาม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/2 ม.3 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 2.น.ส.กนกพร สิทธิยอดปรีชา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.18 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 3. นายนัทที บุญนาวา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 /1 ม.3 ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์
4.นายสมใจ สัมพันแพร อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ถ.นครถุง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร โดย น.ส.กนกพร ชาว ต.แม่ฟ้าหลวง ให้การว่าได้ข้ามไปหาญาติก่อนด่านพรมแดนจะปิด และไม่ได้กลับมา ส่วนอีก 3 คน เล่าว่าได้ไปทำงานในเมืองท่าขี้เหล็ก เป็นงานออนไลน์ และร้านอาหารเมืองท่าขี้เหล็ก ตั้งแต่ก่อนด่านพรมแดนปิด ทั้งหมดอาศัยอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็กนาน จนงานเริ่มไม่มีทำอีกทั้งทำงานยังถูกโกง และทั้งยังคิดถึงบ้าน และยังอ้างว่าทำบัตรที่ข้ามแดนหาย ไม่สามารถติดต่อข้ามกลับอย่างถูกต้องได้ จึงได้หาวิธีกลับข้ามมาฝั่งไทยด้านชายแดนอำเภอแม่สาย โดยได้ติดต่อชาวเมียนมา ไม่ทราบชื่อ ที่รู้ช่องทางพากลับ โดยได้จ่ายคนละ 10,000 -13,000 บาท เพื่อนำพาเดินตามช่องทางธรรมชาติ
จนกระทั้งข้ามกลับมาถึงฝั่งไทย เขต อ.แม่สาย แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวก่อนเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมนำไปกักตัว 14 วัน และแจ้งข้อกล่าวหา 1.เป็นบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เดินทางเข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลา ตามที่รัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 2.ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 3.ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่งจังหวัดเชียงรายที่ 1380/2563 เรื่องการระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และช่องทางอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 ”
ธีรวัฒน์ คำธิตา / เชียงราย