In News

มีผลบังคับใช้140โรงพยาบาลทั่วประเทศ เปิดบริการนอกเวลาราชการ/ดัน30บ.ร่วม



กรุงเทพฯ-รัฐบาลยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพทั่วประเทศ มีผลบังคับใช้แล้ว 140 แห่ง โรงพยาบาลที่ให้บริการนอกเวลาราชการ พร้อมยกระดับโครงการ ​“30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” สู่ยุคดิจิทัล ด้วยธรรมาภิบาลข้อมูลสุขภาพ

วันนี้ (14 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพทั่วประเทศ เปิดรายชื่อโรงพยาบาล 140 แห่ง ซึ่งเป็นหน่วยบริการนอกเวลาราชการ ที่เป็นความจําเป็นของผู้มีสิทธิในหน่วยบริการอื่น โดยมีห้องบริการ แยกจากห้องฉุกเฉิน สอดรับกับนโยบายปฏิรูปห้องฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเดินหน้าปฏิรูประบบสาธารณสุข ยกระดับโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” สู่ยุคดิจิทัล ด้วยธรรมาภิบาลข้อมูลสุขภาพ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ สปสช. เรื่อง รายชื่อหน่วยบริการที่ให้บริการนอกเวลาราชการที่เป็นความจําเป็นของผู้มีสิทธิในหน่วยบริการอื่น พ.ศ. 2567 ซึ่งมีการปรับปรุงรายชื่อหน่วยบริการ ที่ให้บริการนอกเวลาราชการ ที่เป็นความจำเป็นของผู้มีสิทธิในหน่วยบริการอื่น โดยมีห้องบริการ แยกจากห้องฉุกเฉิน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปห้องฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีรายชื่อโรงพยาบาล จำนวน 140 เเห่งที่ให้บริการนอกเวลาราชการ เเละมีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลทั้งหมดได้ที่   https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/33539.pdf 

พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ยกระดับโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” เข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลข้อมูลสุขภาพ เพื่อเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วย 1.จัดทำแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลข้อมูลสำหรับหน่วยบริการทั่วประเทศ 2.แต่งตั้งทีมบริกรข้อมูล นำโดยผู้อำนวยการสำนักดิจิทัลสุขภาพ 3.ประกาศโครงสร้างมาตรฐานข้อมูลสุขภาพ เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ รวมถึงระบบการเบิกจ่าย โดยจะมีการลงนามประกาศให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและดำเนินการต่อไป และ 4.กำหนดมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลสำหรับผู้รับและผู้ให้บริการ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้เกิดการบูรณาการข้อมูลอย่างไร้รอยต่อจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนเข้ารับบริการได้ทุกที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองอย่างสะดวกและรวดเร็ว

“นายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการทำงาน ดำเนินนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการของประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าการยกระดับบริการสุขภาพ ให้ครอบคลุมช่วงเวลา ความจำเป็นของประชาชน รวมทั้ง อำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และสร้างระบบสาธารณสุขที่เหมาะสมสำหรับคนไทย จะช่วยเพิ่มทางเลือก ลดความเเออัดในการเข้าใช้บริการทางสาธารณสุข และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนรับบริการทางสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น” นายชัย กล่าว