In News

​ครม.อนุมัติร่างพรบ.จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ รับพิจารณาคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากร



กรุงเทพฯ-​ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากร)

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากร) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร

นายคารม กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างฯ เป็นการกำหนดให้ศาลภาษีอากรมีอำนาจพิจารณาพิพากษาอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากร และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับแก่การพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวโดยอนุโลม แก้ไขเพิ่มเติมการรับทราบกำหนดนัดของศาลในคดีภาษีอากรไม่ใช้กับคดีอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากร และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในคดีภาษีอากร เพื่อให้คู่ความดำเนินคดีไปคราวเดียวไม่ต้องแยกไปดำเนินคดีในอีกศาลหนึ่ง (ปัจจุบันคดีภาษีอากรในส่วนแพ่งดำเนินกระบวนพิจารณาโดยศาลภาษีอากร ส่วนคดีภาษีอากรในส่วนอาญาดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลยุติธรรมอื่น) ซึ่งเป็นการลดภาระทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่ายของคู่ความ ศาล และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายภาษีอากรเพื่อจัดเก็บผลประโยชน์ของรัฐและการให้ศาลภาษีอากรซึ่งเป็นศาลชำนัญพิเศษด้านภาษีอากรมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากรจะเป็นผลให้การดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวกับอากรมีความถูกต้องและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น อันเป็นการยกระดับในการคุ้มครองสิทธิของคู่ความในคดีอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากร ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมได้มติเห็นชอบด้วยแล้ว

นายคารม กล่าวต่อไปว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นการเพิ่มอำนาจให้ศาลภาษีอากรสามารถพิจารณาคดีอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากร โดยจะมีการปรับปรุงอาคารที่ทำการศาลหรือก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลซึ่งจะมีผลกระทบด้านงบประมาณ เนื่องจากต้องมีการเพิ่มกรอบอัตรากำลังของข้าราชการตุลาการและข้าราชการศาลยุติธรรม เห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมและคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมต่อไป