In Global
สี จิ้นผิง : นักปฏิรูป

ปักกิ่ง, 15 ก.ค. (ซินหัว) -ผู้นำจีน "สีจิ้นผิง" ได้ทยอยเปิดเผยมาตรการปฏิรูปชุดใหม่ ซึ่งจะกำหนดทิศทางการเติบโตของประเทศจีนที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก ขณะคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เริ่มต้นการประชุมนโยบาย ระยะ 4 วัน ณ กรุงปักกิ่ง ในวันจันทร์ (15 ก.ค.)
ณ พิธีเปิดการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 สีจิ้นผิงในฐานะเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคฯ ได้นำเสนอรายงานการปฏิบัติงานในนามกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ และแจกแจงร่างมติเกี่ยวกับการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นและการเดินหน้าการสร้างความทันสมัยของจีน
การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญเทียบเท่า "การประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3" ครั้งอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เช่น การประชุมในปี 1978 ที่เติ้งเสี่ยวผิงเริ่มต้นความพยายามปฏิรูปและเปิดกว้างของจีน
ช่วงก่อนการประชุมเต็มคณะครั้งปัจจุบัน สีจิ้นผิงได้ส่งเสริมการปฏิรูป กระตุ้นความพยายาม "ปลดปล่อยความคิดยิ่งขึ้น ปลดแอกและพัฒนาพลังการผลิตทางสังคม ปลดเปลื้องและเพิ่มพูนพลังความมีชีวิตชีวาของสังคม" เพื่อ "มอบแรงกระตุ้นอันแข็งแกร่งและหลักประกันเชิงระบบสำหรับการสร้างความทันสมัยของจีน"
สิ่งนี้สร้างความคาดหวังการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งรอบใหม่ พร้อมขจัดข้อวิตกกังวลว่าการปฏิรูปของจีนจะ "หยุดนิ่ง" หรือเศรษฐกิจของจีนจะ "สูญสิ้นพละกำลัง"
ตั้งแต่สีจิ้นผิงเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดเมื่อกว่าทศวรรษก่อน จีนได้ก้าวเข้าสู่ "ยุคใหม่" โดยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและเกียรติภูมิบนเวทีนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะการปฏิรูปเป็นจุดเด่นของยุคใหม่นี้
อย่างไรก็ดี จีนในวันนี้ได้อยู่ในห้วงยามสำคัญของการเร่งรัดการปฏิรูป ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งเก่าและใหม่นานัปการ
(แฟ้มภาพซินหัว :สีจิ้นผิงพบปะกับคณะผู้แทนจากชุมชนธุรกิจยุทธศาสตร์และวิชาการของสหรัฐฯณอาคารมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่งของจีนวันที่ 27 มี.ค. 2024)
เดินหน้าปฏิรูปเปิดกว้างต่อเนื่อง
สีจิ้นผิงถือเป็นนักปฏิรูปที่โดดเด่นอีกคนหนึ่งของจีนต่อจากเติ้งเสี่ยวผิงโดยผู้นำทั้งสองมีภารกิจเดียวกันคือการสร้างความทันสมัยของประเทศแต่อยู่ภายใต้บริบทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เมื่อครั้งเติ้งเสี่ยวผิงเริ่มต้นการปฏิรูปและเปิดกว้างช่วงปลายทศวรรษ1970ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่อหัวของจีนน้อยกว่า200ดอลลาร์สหรัฐ (ราว7,300บาท) ทำให้ความพยายามปฏิรูปและเปิดกว้างของเขาเริ่มต้นจากเกือบศูนย์
ทว่าเมื่อครั้งสีจิ้นผิงได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี2012จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวสูงกว่า6,000ดอลลาร์สหรัฐ (ราว2.19แสนบาท) แต่การเติบโตได้ปรับเปลี่ยนความเร็วจากเดิมและข้อได้เปรียบหลายประการเช่นต้นทุนแรงงานที่ต่ำได้เริ่มลดน้อยถอยลง
แทนที่จะหยุดพักอยู่กับความสำเร็จของบรรดาผู้นำรุ่นก่อนหน้าสีจิ้นผิงกลับมุ่งมั่นเดินหน้าการปฏิรูปแม้รับรู้ดีว่าภารกิจนี้ยากเย็นเพียงไรโดยเขากล่าวว่าทำส่วนที่ง่ายของภารกิจนี้เสร็จสิ้นจนเป็นที่พึงพอใจของทุกคนแล้วส่วนที่เหลือนั้นเป็นงานยากเหมือนกระดูกแข็งที่ต้องออกแรงเคี้ยว
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจีนได้ออกมาตรการปฏิรูปมากกว่า2,000รายการซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถขจัดความยากจนขั้นรุนแรงส่งเสริมการพัฒนาเมือง-ชนบทเชิงบูรณาการต่อสู้กับการทุจริตคดโกงสนับสนุนการประกอบธุรกิจกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลักดัน "การปฏิวัติเขียว"
เนื่องด้วยมาตรการปฏิรูปเหล่านี้เศรษฐกิจจีนเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่านับตั้งแต่ปี2012ซึ่งเสริมสร้างสถานะของจีนในการเป็นผู้มีส่วนส่งเสริมการเติบโตรายสำคัญของโลก
ปัจจุบันจีนต้องเพิ่มความพยายามเป็นพิเศษยามเผชิญกับความต้องการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชนและความท้าทายใหญ่ต่างๆเช่นแรงกดดันจากเศรษฐกิจขาลงหลังจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กอปรกับความเสี่ยงจากภาคอสังหาริมทรัพย์หนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นและสถาบันการเงินขนาดเล็ก-ขนาดกลางบางส่วน
เพื่อแสวงหาอนาคตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชนและประเทศชาติสีจิ้นผิงเน้นย้ำว่าการปฏิรูปและเปิดกว้างเป็น "วิธีการสำคัญ" สู่การบรรลุการสร้างความทันสมัยของจีนและสานต่อปาฏิหาริย์ทางการพัฒนาของประเทศ
สีจิ้นผิงเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิรูปในการประชุมของกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯเมื่อเดือนมกราคมและสำทับถึงความจำเป็นในการปฏิรูปภาคส่วนต่างๆอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นในการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติและหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงสุดของชาติในไม่กี่สัปดาห์ถัดมา
"การปฏิรูปเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนา" สีจิ้นผิงกล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมมณฑลซานตงทางตะวันออกของจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมโดยสีจิ้นผิงยังจัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้นำทางธุรกิจและนักวิชาการเกี่ยวกับวิธีการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หวงฮั่นเฉวียนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจมหภาคแห่งชาติจีนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมข้างต้นกล่าวว่าสีจิ้นผิงให้ความสำคัญกับการปฏิรูปอย่างมากและมีความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับการปฏิรูปทั้งหมดเป็นอย่างดี
ก่อนหน้านี้สีจิ้นผิงกล่าวกับสมาชิกชุมชนธุรกิจยุทธศาสตร์และวิชาการของสหรัฐฯที่เยือนกรุงปักกิ่งในฤดูใบไม้ผลินี้ว่าจีนกำลังวางแผนและดำเนินการตาม "ขั้นตอนสำคัญของการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น" โดยจีนจะเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มุ่งเน้นตลาดอ้างอิงกฎหมายและเป็นสากลอย่างต่อเนื่องซึ่งจะเพิ่มพื้นที่การพัฒนาแก่ธุรกิจของสหรัฐฯและนานาชาติ
ทั้งนี้ความมุ่งมั่นปฏิรูปของสีจิ้นผิงยังคงเหมือนเดิมตลอดมา
ปี1969เมื่อครั้งสีจิ้นผิงอายุสิบห้าย่างสิบหกปีเขาถูกส่งตัวไปยังหมู่บ้านเหลียงเจียเหอในมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเพื่อใช้แรงงานในพื้นที่เกษตรกรรมที่ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับความหิวโหยโดยปณิธานของสีจิ้นผิงวัยหนุ่มตอนนั้นคือทำให้สหายร่วมหมู่บ้านมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ
การสนับสนุนการปฏิรูปอย่างแรงกล้าของสีจิ้นผิงยังมาจากความปรารถนามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชนโดยมาตรการปฏิรูปต่างๆที่สีจิ้นผิงดำเนินการในหมู่บ้านเหลียงเจียเหอในฐานะเลขาธิการพรรคฯประจำหมู่บ้านเหลียงเจียเหอทั้งการใช้ก๊าซชีวภาพตั้งร้านตีเหล็กและเปิดร้านขายของชำล้วนมุ่งยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
ความมุ่งมั่นปฏิรูปของสีจิ้นผิงยังได้รับอิทธิพลจากผู้เป็นพ่ออย่างสีจ้งซวินนักปฏิวัติเก่าและผู้สนับสนุนการปฏิรูปและเปิดกว้างโดยปี1978สีจ้งซวินได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีนและช่วยสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษชุดแรกของจีนซึ่งประกอบด้วยเซินเจิ้นจูไห่และซ่านโถว
ปีเดียวกันนั้นสีจ้งซวินมอบหมายให้สีจิ้นผิงซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิงหัวดำเนินการวิจัยภาคสนามเกี่ยวกับระบบความรับผิดชอบตามสัญญาครัวเรือนในมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีนโดยสีจิ้นผิงบันทึกข้อมูลจนเต็มสมุดที่ยังคงถูกเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้
ชื่อเสียงของสีจิ้นผิงในฐานะนักปฏิรูปเพิ่มพูนตามความก้าวหน้าบนเส้นทางอาชีพทางการเมืองของเขา
ช่วงต้นทศวรรษ1980สีจิ้นผิงริเริ่มการทดลองปฏิรูปในอำเภอเจิ้งติ้งซึ่งเป็นอำเภอยากจนในมณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีนโดยเขาทดลองจัดทำสัญญาที่ดินในชนบททำให้อำเภอเจิ้งติ้งเป็นพื้นที่แรกของเหอเป่ยที่ปรับใช้แนวทางดังกล่าว
บทความที่เผยแพร่ผ่านนิตยสารไชน่ายูธ (China Youth) ในปี1985บรรยายรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของอำเภอเจิ้งติ้งโดยอ้างอิงคำบอกเล่าของเลขาธิการพรรคฯระดับอำเภอจากมณฑลใกล้เคียงที่เยือนอำเภอเจิ้งติ้งที่ว่าการปฏิรูปเกิดขึ้นทุกที่จนประชาชนท้องถิ่นไม่ต้องร้องขอ
"หากมองย้อนกลับไปตอนนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำสำเร็จคือการปลดปล่อยความคิด" สีจิ้นผิงกล่าวถึงการปฏิรูปในอำเภอเจิ้งติ้ง
ต่อจากอำเภอเจิ้งติ้งสีจิ้นผิงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่นครเซี่ยเหมินซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนที่ซึ่งเขาเป็นผู้นำการจัดตั้งธนาคารร่วมทุนแห่งแรกของจีนอย่างเซี่ยเหมินอินเตอร์เนชันแนลแบงก์ (Xiamen International Bank) และหลังจากก้าวสู่ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนสีจิ้นผิงเป็นผู้นำการปฏิรูปการครอบครองป่าไม้ร่วมกันซึ่งถูกปรับใช้ในพื้นที่ส่วนอื่นๆของประเทศในเวลาต่อมาโดยแผนริเริ่มนี้เป็นที่รู้จักในฐานะอีกหนึ่งขั้นตอนการปฏิวัติพื้นที่ชนบทของจีนต่อจากระบบความรับผิดชอบตามสัญญาครัวเรือน
ช่วงดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลเจ้อเจียงสีจิ้นผิงนำเสนอแผนริเริ่มเพื่อส่งเสริมการพัฒนาผ่านการยกระดับอุตสาหกรรมโดยเขาสนับสนุนธุรกิจเอกชนอย่างแข็งขันและกระตุ้นนักธุรกิจ "ติดต่อโดยตรง" ที่สำนักงานของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือรวมถึงขยายการปฏิรูปนอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองไปยังเรื่องสังคมวัฒนธรรมและระบบนิเวศด้วย
การขึ้นชื่อเป็นนักปฏิรูปของสีจิ้นผิงสร้างความประทับใจแก่บุคคลสำคัญระดับนานาชาติโดยเดือนกันยายน2006เฮนรีพอลสันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯในเวลานั้นได้เดินทางเยือนจีนและเลือกนครหางโจวเมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงเป็นจุดหมายแรก
พอลสันยกให้สีจิ้นผิงเป็น "ตัวเลือกอันสมบูรณ์แบบ" สำหรับการประชุมครั้งแรกของเขาในจีนพร้อมบรรยายว่าสีจิ้นผิงเป็น "คนที่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย" และต่อมาพอลสันที่พบปะหารือกับสีจิ้นผิงอีกครั้งในปี2014เล่าว่าผู้นำจีนคนนี้เผยว่าสิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือการปฏิรูปและประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ปี2007ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำนครเซี่ยงไฮ้สีจิ้นผิงเล็งเห็นความจำเป็นของการปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้สู่การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพิ่มพูนความสามารถทางการแข่งขันในฐานะศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศและเสริมสร้างบทบาทของเซี่ยงไฮ้ในฐานะผู้นำการปฏิรูปและเปิดกว้าง
หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดของพรรคฯในปี2012สีจิ้นผิงตรวจเยี่ยมนครเซินเจิ้นเป็นแห่งแรกตามรอยผู้เป็นพ่อที่ซึ่งเขาได้วางกระเช้าดอกไม้ณรูปปั้นสัมฤทธิ์ของเติ้งเสี่ยวผิงในสวนสาธารณะเหลียนฮวาซานเพื่อแสดงความมุ่งมั่นปฏิรูปอย่างแรงกล้า "เดินหน้าปฏิรูปเปิดกว้างต่อเนื่อง!"
การประชุมเต็มคณะครั้งที่3ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่18ในปี2013ภายใต้การนำของสีจิ้นผิงถือเป็นหมุดหมายสำคัญเหมือนการประชุมเต็มคณะครั้งที่3ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่11ในปี1978ซึ่งเปิดฉากยุคสมัยแห่งการปฏิรูปโดยการประชุมในปี2013เปรียบดังรุ่งอรุณของยุคสมัยใหม่แห่งการปฏิรูป
การประชุมเต็มคณะฯในปี2013สีจิ้นผิงแจกแจงความท้าทายต่างๆที่จีนเผชิญระหว่างการพัฒนาทั้งการทุจริตคดโกงการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนและปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยสีจิ้นผิงตอกย้ำว่า "กุญแจสำคัญของการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่ที่การปฏิรูปอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น"
ที่ประชุมข้างต้นได้ตัดสินใจใน "ประเด็นสำคัญต่างๆที่เกี่ยวกับการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น" ซึ่งหนังสือพิมพ์ของสเปนแสดงความคิดเห็นว่าสีจิ้นผิงได้ริเริ่มการปฏิรูปเศรษฐกิจสังคมและการบริหารของจีนอย่างลึกซึ้งมากที่สุดในรอบกว่า30ปี
หนึ่งเดือนถัดจากนั้นจีนประกาศจัดตั้งกลุ่มผู้นำส่วนกลางเพื่อการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น (Central Leading Group for Comprehensively Deepening Reform) โดยมีสีจิ้นผิงชี้นำด้วยตนเองซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรรคฯที่มีการจัดตั้งหน่วยงานผู้นำในส่วนกลางเพื่อการปฏิรูปโดยเฉพาะโดยกลุ่มผู้นำฯพัฒนาเป็นคณะกรรมาธิการกลางเพื่อการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น (Central Commission for Comprehensively Deepening Reform) ในเวลาต่อมาโดยมีสีจิ้นผิงเป็นผู้อำนวยการ
บุคคลผู้ใกล้ชิดกับกระบวนการตัดสินใจเผยว่าสีจิ้นผิงเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการปฏิรูปที่สำคัญและยากลำบากและสีจิ้นผิงพิจารณาทบทวนร่างแผนการปฏิรูปที่สำคัญแต่ละร่างอย่างละเอียดถี่ถ้วนชนิดแก้ไขคำต่อคำ
(แฟ้มภาพซินหัว :สีจิ้นผิงเยือนฟาร์มป่าไม้ซ่ายห่านป้าในมณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีนวันที่ 23 ส.ค. 2021)
บุกป่าฝ่าดงพงไพรแม้รู้ว่ามีเสือสิงห์
การปฏิรูปที่นำโดยสีจิ้นผิงตั้งอยู่บนข้อคิดพิจารณาอันรอบคอบซึ่งได้จากการปฏิบัติงานนานหลายปีและมีการออกแบบชั้นยอดโดยสีจิ้นผิงอ้างอิงสำนวนจีนโบราณที่ว่า "ละทิ้งสิ่งเก่าเปิดรับสิ่งใหม่" เพื่อเรียกร้องการลงมือทำพร้อมเชื่อมั่นว่าการปฏิรูปและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่คือวัฒนธรรมโดยเนื้อแท้ของชนชาติจีน
สีจิ้นผิงมีความคิดทะลุปรุโปร่งเกี่ยวกับทิศทางของการปฏิรูปตักเตือนเรื่องการลอกเลียนแบบระบบการเมืองของประเทศอื่นๆและกล่าวว่าการปฏิรูปที่ไม่ได้วางแนวทางตามระบอบสังคมนิยมจะนำสู่ "ทางตัน" เท่านั้น
"สิ่งที่มิควรเปลี่ยนแปลงย่อมต้องธำรงรักษาไว้ดังเดิม" สีจิ้นผิงกล่าวพร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการสนับสนุนภาวะผู้นำโดยรวมของพรรคฯในการเดินหน้าการปฏิรูป
สำหรับสิ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสีจิ้นผิงเรียกร้องการลงมือทำอย่างจริงจังและกระตุ้นการสร้างสภาพแวดล้อมอันเอื้อต่อการปฏิรูปซึ่งงานที่ต้องทำประกอบด้วยการขจัดอุปสรรคทั้งปวงที่จำกัดพลังความมีชีวิตชีวาขององค์กรธุรกิจและขัดขวางบทบาทของตลาด
การปฏิรูปของสีจิ้นผิงมีขอบเขตขนาดและความเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนครอบคลุมเศรษฐกิจการเมืองวัฒนธรรมสังคมระบบนิเวศการสร้างพรรคฯการป้องกันประเทศการทหารและอื่นๆ
สีจิ้นผิงพัฒนาวิธีวิทยาสำหรับการปฏิรูปในยุคใหม่นั่นคือการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างการปลดปล่อยความคิดกับการแสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริงระหว่างการสร้างความก้าวหน้าโดยรวมกับการสร้างความคืบหน้าในด้านสำคัญระหว่างการออกแบบชั้นยอดกับการคลำหินข้ามลำน้ำระหว่างการโลดโผนโจนทะยานกับการย่างก้าวอย่างมั่นคงรวมถึงการสร้างสมดุลของการปฏิรูปการพัฒนาและเสถียรภาพ
สีจิ้นผิงเน้นย้ำการดำเนินการปฏิรูปแบบองค์รวมเป็นระบบและสอดประสานตลอดจนเคารพจิตวิญญาณการริเริ่มของประชาชนและกล่าวกับเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐว่า "เปิดรับสิ่งใหม่ก่อนละทิ้งสิ่งเก่า" รวมถึงควบคุมจังหวะและความเข้มข้นของการปฏิรูปอย่างเหมาะสมเพื่อผลลัพธ์อันดี
"ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงปรับปรุงแนวคิดการวัดความสำเร็จของการพัฒนาซึ่งมักดูจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และช่วยให้เกิดการปฏิรูปที่ทลายผลประโยชน์อันมิชอบของคนบางส่วนอย่างแท้จริง" เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งจากมณฑลส่านซีกล่าว
เจ้าหน้าที่รัฐคนนี้หวนนึกถึงตอนที่สีจิ้นผิงสั่งการสอบสวนหลายครั้งเพื่อหยุดยั้งการก่อสร้างบ้านพักขนาดใหญ่อย่างผิดกฎหมายของกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเทือกเขาฉินหลิ่งซึ่งสะท้อนการขัดขวางการปฏิรูปด้านนิเวศวิทยาของท้องถิ่นในตอนนั้น
สีจิ้นผิงเผชิญความยากลำบากระหว่างผลักดันการปฏิรูปและจำเป็นต้องทลายสิ่งกีดขวางที่เกิดจากผลประโยชน์อันมิชอบโดยสีจิ้นผิงกล่าวว่าเราจำเป็นต้องกล้าหาญบุกป่าฝ่าดงพงไพรแม้รู้อยู่เต็มอกว่ามีสัตว์ร้ายอย่างเสือสิงห์และผลักดันการปฏิรูปไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในระยะเวลาไม่ถึง20วันหลังจากเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดสีจิ้นผิงกำหนด "กฎระเบียบ8ประการ" ที่มุ่งปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานของพรรคฯและเจ้าหน้าที่รัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังต่างๆในระบบเจ้าขุนมูลนายเช่นสิทธิพิเศษของเจ้าหน้าที่รัฐการจัดงานเลี้ยงฟุ่มเฟือยและการใช้เงินภาษีอย่างสิ้นเปลืองรูปแบบอื่นๆโดยกฎระเบียบเหล่านี้ได้รับยกย่องเป็น "ตัวพลิกสถานการณ์" การบริหารปกครองของจีน
สีจิ้นผิงริเริ่มปราบปรามการทุจริตคดโกงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยสีจิ้นผิงชี้ว่าการต่อสู้กับการทุจริตคดโกงเป็นประโยชน์ต่อการชำระล้าง "ระบบนิเวศทางการเมือง" และ "ระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ" รวมถึงนำสู่การจัดระเบียบตลาดและฟื้นฟูตลาดให้มีสภาพอย่างที่ควรจะเป็น
โครงการปราบปรามการทุจริตคดโกงอย่างไม่ลดละล่าถอยแม้แต่ก้าวเดียวของจีนยังคงดำเนินต่อไปโดยช่วงปีที่ผ่านมาจีนได้ปราบปรามการทุจริตคดโกงในหลายภาคธุรกิจทั้งการเงินอุปทานธัญพืชการดูแลสุขภาพการผลิตและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์และกีฬา
มีการสืบสวนสอบสวนหรือดำเนินคดีความกับบุคคลนับร้อยทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงผู้บริหารธนาคารผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรือแม้แต่ประธานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศจีนและอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาฟุตบอลชายทีมชาติ
สีจิ้นผิงสนับสนุนความจำเป็นในการปฏิรูปพรรคฯโดยเรียกร้อง "การปฏิวัติตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด"
ภายใต้การนำของสีจิ้นผิงมีการสร้างระบบกำกับตรวจสอบตัวเองของพรรคฯอย่างสมบูรณ์และเข้มงวดก่อให้เกิดระบบกำกับควบคุมพรรคฯที่เป็นรูปเป็นร่างโดยสีจิ้นผิงยกระดับระบบตรวจสอบและจัดตั้งระบบกำกับดูแลระดับชาติซึ่งจำกัดอำนาจอยู่ภายในกรอบสถาบันรวมถึงริเริ่มการปฏิรูปสถาบันของพรรคฯและรัฐอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลี่จวินหรูอดีตรองประธานโรงเรียนพรรคฯแห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯระบุว่าการปฏิรูปดังกล่าวเป็นที่จับตามองมากที่สุดในกระบวนการปฏิรูปทั้งหมดของจีนโดยสีจิ้นผิงใช้การปฏิรูปมาจัดการความท้าทายเฉพาะที่พรรคฯเผชิญและสร้างพรรคการเมืองตามลัทธิมากซ์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งขึ้น
การปฏิรูปนี้รื้อถอนผลประโยชน์อันมิชอบเพิ่มเติมโดยสีจิ้นผิงเรียกร้องการแก้ไขปรับปรุงที่อาจขัดแย้งกับคนไม่กี่พันคนแต่เป็นประโยชน์กับประชาชนชาวจีน1,400ล้านคน
หลิวปิ่งเซียงอาจารย์ประจำโรงเรียนพรรคฯแห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯอธิบายว่าสีจิ้นผิงขับเคลื่อนการปฏิวัติตนเองของพรรคฯเพื่อชี้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยพรรคฯดำเนินแผนริเริ่มขจัดข้อบกพร่องเชิงสถาบันในการพัฒนาสังคมเพื่อปลดล็อกพลังการผลิต
สำหรับเรื่องนี้สีจิ้นผิงสนับสนุนการเดินหน้าบริหารปกครองบนพื้นฐานของกฎหมายอย่างเต็มที่มุ่งแก้ไขสารพันปัญหาที่มีมานานอย่างปัญหาอำนาจอยู่เหนือกฎหมายและปัญหาสายสัมพันธ์ส่วนตัวทำลายหลักการทางกฎหมาย
ครั้งหนึ่งสีจิ้นผิงกล่าวตำหนิปรากฏการณ์ "เงินซื้อการละเว้นโทษและซื้อชีวิต" และเคยกล่าวว่า "เศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยมเป็นเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนความน่าเชื่อถือและหลักนิติธรรม"
สีจิ้นผิงสั่งการกำหนดและแก้ไขกฎหมายต่างๆเช่นกฎหมายปราบปรามการผูกขาดซึ่งเป็นรากฐานทางกฎหมายสำหรับระบบตรวจสอบการแข่งขันที่เป็นธรรม
นอกจากนั้นมีการปรับปรุงระบบกฎหมายสำหรับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาโดยปี2020ไมเคิลจอร์แดนนักบาสเกตบอลระดับตำนานของสหรัฐฯชนะการฟ้องร้องคดีความในนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งนำสู่การสั่งให้บริษัทจีนหยุดใช้คำภาษาจีน "เฉียวตาน" ที่หมายถึงจอร์แดนในชื่อและเครื่องหมายการค้า
การปฏิรูปของสีจิ้นผิงมิเพียงนำสู่การเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจโดยสีจิ้นผิงยืนยันว่าแก่นแท้ของการสร้างความทันสมัยอยู่ที่ความทันสมัยของประชาชนการบ่มเพาะ "ความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจในชาติ" ในหมู่ประชาชนชาวจีนจึงกลายเป็นเป้าประสงค์หลักของการปฏิรูป
ปี2012สีจิ้นผิงผนวก "ความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรม" เข้าสู่รายงานที่เสนอต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯครั้งที่18และต่อมาสีจิ้นผิงบูรณาการแนวคิดนี้เข้าสู่ "สี่ความเชื่อมั่น" ของสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีนพร้อมบรรยายว่าความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรมเป็น "พลังพื้นฐานอันลึกซึ้งและยืนยงยิ่งขึ้น"
การปฏิรูปของสีจิ้นผิงยังแสดงการปรับปรุงลัทธิมาร์กซ์เพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่บูรณาการหลักคำสอนพื้นฐานของลัทธิมาร์กซ์เข้ากับความเป็นจริงเฉพาะและวัฒนธรรมดั้งเดิมอันดีงามของจีนส่งผลให้การปฏิรูปของจีนสร้างนัยสำคัญเชิงปรัชญาใหม่
ในสารอวยพรปีใหม่2017สีจิ้นผิงกล่าวว่า "เค้าโครงหลักของการปฏิรูปซึ่งเปรียบเหมือนคานสี่อันและเสาแปดต้นของบ้านได้ตั้งขึ้นโดยพื้นฐานในหลายด้าน" โดยสำหรับผู้คุ้นเคยกับสถาปัตยกรรมจีนโบราณสิ่งนี้บ่งชี้ความเป็นรูปเป็นร่างของตัวบ้านที่สามารถประดับตกแต่งเสริมสร้างให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สีจิ้นผิงได้กำกับทิศทางการปฏิรูปสู่เป้าหมายสำคัญสูงสุดนั่นคือการสนับสนุนและยกระดับระบบสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีนและสร้างความทันสมัยแก่ระบบและขีดความสามารถทางการบริหารปกครองของจีน
สิ่งนี้จึงเป็นกระบวนการระยะยาวและท้าทายอย่างมิต้องสงสัย
ภาพประกอบ :
ภาพปก : (แฟ้มภาพซินหัว : สีจิ้นผิงรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ระหว่างตรวจเยี่ยมเอสเอไอซีมอเตอร์ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของจีนในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีนวันที่ 24 พ.ค. 2014)
(ติดตามต่อ : ตอนที่2)