In Thailand

ประมงจัดปล่อยพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ ที่เขื่อนวชิราลงกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี



กาญจนบุรี-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ที่เขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดฯ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาคีเครือข่าย และประชาชนในพื้นที่

เข้าร่วมพิธีปล่อยปลาตามโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567" 72 พรรษา 72 ล้านตัวทั่วประเทศ และร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำพร้อมกันทางออนไลน์ลงสู่เขื่อนพระนามอีก 6 แห่ง 

โดยมี นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยปลาทางออนไลน์

โดยนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า "พิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันนี้ กรมประมง ได้จัดเตรียมพันธุ์สัตว์น้ำที่เพาะพันธุ์ได้ปล่อยลงสู่เขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งเป็นสถานที่หลักในการจัดกิจกรรม จำนวน 5 ชนิด ประกอบด้วย ปลายี่สก ขนาด 15-20 เซนติเมตร จำนวน 72 ตัว ลูกพันธุ์ปลาตะเพียนขาว 550,000 ตัว ปลาสร้อยขาว 200,000 ตัว ปลาตะเพียนทอง 100,000 ตัว และปลาแก้มช้ำ 150,0,00 ตัว รวมลูกพันธุ์สัตว์น้ำจำนวน 1,000,000 ตัว และพันธุ์สัตว์น้ำสำหรับกิจกรรมปล่อยปลาออนไลน์ลงสู่เขื่อนพระนามอีก 6 แห่งได้แก่ 1) เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี 2) เชื่อนภูมิพล จังหวัดตาก 3) เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ 4) เขื่อนสิรินธร จังหวัอุบลราชธานี 5) เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ และ 6) เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น แห่งละ 100,000 ตัว และกรมประมง มีแผนที่จะดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์อื่น ๆ ที่มีความเหมาะสม ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 16,400,000 ตัว รวมถึงปลาน้ำจืดที่เพาะได้จากชุดเพาะฟักแบบเคลื่อนที่ (MOBILE HATCHERY) อีกจำนวน 54,000,000 ตัว รวมสัตว์น้ำที่ใช้ปล่อยในโครงการนี้ทั้งสิ้น จำนวน 72 ล้านตัว

ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล รวมทั้งเป็นการเพิ่มปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำในธรรมชาติให้คงความอุดมสมสมบูรณ์สืบไป และสามารถเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ ทำให้ประชาชนมีทรัพยากรสัตว์น้ำและแหล่งโปรตีนจากสัตว์น้ำที่น้ำที่สำคัญก่อให้เกิดอาชีพด้านการประมง และเพิ่มพูนรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งสามัคคีให้แก่ชุมชนอีกด้วย "